posttoday

'ศักดิ์สยาม' ลั่น บินไทยต้องกลับมาเป็นเบอร์ 1 สั่งยกเครื่ององค์กรใหม่

28 ตุลาคม 2562

'ศักดิ์สยาม' สั่งการบ้านบินไทย ต้องยึดเบอร์ 1 คืนมา เร่งสรุปแผนซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ ด้าน 'เอกนิติ'เตรียมรื้อแผนเส้นทางบินทั้งระบบ หลังเจอพิษสงครามการค้า เล็งขายที่ดิน 4,000 ล้าน เสริมสภาพคล่อง

'ศักดิ์สยาม' สั่งการบ้านบินไทย ต้องยึดเบอร์ 1 คืนมา เร่งสรุปแผนซื้อเครื่องบินใหม่ 38 ลำ  ด้าน 'เอกนิติ' เตรียมรื้อแผนเส้นทางบินทั้งระบบ หลังเจอพิษสงครามการค้า เล็งขายที่ดิน 4,000 ล้าน เสริมสภาพคล่อง

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รัฐมนตรีว่ากานกระทรวงคมนาคม เปิดเผยภายหลังการมอบนโยบายบริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน) ว่า เชื่อการบินไทยจะกลับมาเป็นเบอร์ 1 ในประเทศไทยได้ โดยมั่นใจผู้บริหารชุดปัจจุบันมีความสามารถในการปฏิรูปองค์กรเพื่อเป็นสายการบินแห่งชาติที่มั่นคงอีกครั้ง

ทั้งนี้มอบหมายให้ ไปตั้งคณะทำงานที่ประกอบด้วย สายการบินไทย ,บริษัท วิทยุการบินฯ(บวท.) ,บริษัท ท่าอากาศยานไทยฯ(ทอท.) และการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เพื่อบูรณาการในการส่งเสริมการท่องเที่ยวตามนโยบายของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ที่พยายามให้เกิดการท่องเที่ยวในประเทศไทยให้มากขึ้น โดยให้กรอบเวลา 3 เดือนในการดำเนินการดังกล่าวให้แล้วเสร็จ

ขณะที่แผนจัดหาเครื่องบินใหม่ 38 ลำ วงเงิน 1.56 แสนล้านบาท นั้นได้สั่งการให้เร่งสรุปแผนภายใน 6 เดือน หรือเร็วกว่านั้นเพราะเครื่องบินมีผลต่อการสร้างรายได้และลดการขาดทุน ตลอดจนเป็นเครื่องมือหลักในการแข่งขันกับคู่แข่ง

นอกจากนี้ได้มีการมอบนโยบายให้การบินไทยไปทบทวนเกี่ยวกับเรื่องบุคลากรว่าในปัจจุบันบุคลากรที่มีอยู่ได้มีการปฎิบัติหน้าที่ได้เต็มประสิทธิภาพหรือไม่และมีอะไรบ้างที่ต้องปรับปรุงแก้ไขเพื่อให้เกิดผลประกอบการที่มีประสิทธิภาพ เพื่อลดปัญหาค่าใช้จ่ายมากกว่ารายได้ รวมถึงให้ไปพิจารณาเครื่องมือ วัสดุ อุปกรณ์ หรือสิ่งของต่างๆที่ใช้ในเครื่องบิน ว่ามีปริมาณการใช้เท่าไหร่บางอย่างสามารถเรียกคืนเพื่อให้สามารถลดต้นทุนในการประกอบกิจการได้และให้ไปพิจารณาในส่วนของการให้บริการที่มีศักยภาพหลายเรื่องที่จะต้องมีการนำไปสู่การปฎิบัติให้ได้

ด้านความคืบหน้าศูนย์ซ่อมอากาศยาน (MRO)วงเงิน 1 หมื่นล้านบาทในพื้นที่อู่ตะเภา นั้น ขณะนี้ได้หารือกับ Airbus ซึ่งมีความคืบหน้าไปมากแล้ว เช่นเดียวกับสัญญา RFP ที่มีการเสนอคณะกรรมการนโยบายเขตพิเศษภาคตะวันออก(บอร์ดอีอีซี) ให้พิจารณาแล้ว คาดจะลงนามสัญญากับ Airbus ได้ภายในสิ้นปีนี้

นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ประธานคณะกรรมการ บริษัท การบินไทย จำกัด(มหาชน)? กล่าวว่า สำหรับสาเหตุที่แผนจัดซื้อเครื่องบินล่าช้านั้นเนื่องจากการบินไทยต้องกลับมาพิจารณาศักยภาพในการชำระหนี้ เนื่องจากการซื้อเครื่องบินใหม่ต้องทำการกู้เงินจำนวนมาก ต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ
อย่างไรก็ตามได้ฝากความมั่นใจไปให้กับผู้ถือหุ้นว่าขณะนี้การบินไทยยังคงมีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจ เช่นเดียวกับตัวเลขสภาพคล่องของบริษัทยังคงมีสุขภาพดี ส่วนคำถามที่ว่าทำไมผู้โดยสารเพิ่มและมีอัตราบรรทุกผู้โดยสารต่อเที่ยว (Cabin Factor)มากกว่า 80% แต่รายได้ไม่เติบโตไปด้วย เพราะค่าตั๋วโดยสารนั้นแข่งขันกันมากจึงขายตั๋วได้ราคาต่ำลง

ทั้งนี้การบินไทยต้องกลับมารื้อแผนเส้นทางบินในมือทั้งหมดเพื่อศักยภาพในการหารายได้ โดยเฉพาะตลาดเส้นทางบินเอเชีย ซึ่งในอดีตเคยเชื่อว่าจะเป็นตลาดที่แข็งแกร่ง แต่ในปัจจุบันกลับพบว่าได้รับผลกระทบอย่างมาก เช่น เรื่องสงครามการค้าและการแข่งขันที่รุนแรง โดยเส้นทางบินกรุงเทพ-ญี่ปุ่น ที่เคยเป็นรายได้หลักถูกแย่งผู้โดยสารไป

นายสุเมธ ดำรงชัยธรรม กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ (ดีดี) บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ในปี 2563 การบินไทยจะมุ่งเน้นการดำเนินการในส่วนของการสะสมไมล์(Royal Orchid Plus) หรือ ROP เพื่อจูงใจให้ผู้โดยสารมาใช้บริการการบินไทยมากขึ้น โดยปัจจุบันมีสมาชิกประมาณ 3-4 ล้านราย แต่มีผู้ใช้งานไม่ถึง 1 ล้านราย ซึ่งหลังจากนี้ การบินไทยจะต้องมาพิจารณาว่าจะดำเนินการอย่างไรให้สามารถเพิ่มจำนวนสมาชิก และหันมาใช้ ROP มากขึ้น รวมถึงพิจารณาถึงการใช้ประโยชน์ และสิทธิประโยชน์เพิ่มขึ้นด้วย

ขณะที่การขายทรัพย์สินที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ตามนโยบายของ รมว.-รมช.คมนาคมนั้น นายสุเมธ กล่าวว่า นอกจากในส่วนของเครื่องบินเก่าแล้ว จะมีการพิจารณาขายที่ดินทั้งในประเทศและต่างประเทศ ที่มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้านบาทด้วย การบินไทยจะมีการปรับปรุงแผนฟื้นฟูฯ เดิมบางส่วนให้สอดคล้องกับข้อสั่งการของ รมว.คมนาคม และนำไปสู่การปฏิบัติต่อไป คาดว่าการปรับปรุงแผนดังกล่าวจะใช้เวลาไม่เกิน 1 เดือนนับจากนี้

อย่างไรก็ตามสิ้นปีนี้ มี 3 เรื่องที่จะเร่งดำเนินการ ได้แก่ 1.เรื่องการเพิ่มรายได้ โดยจะใช้ Digital Marketing เพื่อนำมาเสนอขายตั๋วให้ได้มากที่สุดให้เต็มลำได้ทุกลำ 2. อีคอมเมิร์ซเป็นธุรกิจเสริม ต้องเกิดขึ้นให้ได้ตามแผน แม้จะยังไม่ส่งผลกับรายได้มากนัก แต่จะส่งผลไปในปีหน้า และ3.เรื่องค่าใช้จ่าย จะเจรจาเบรคค่าใช้จ่ายที่ยังไม่จำเป็นไว้ก่อน ส่วนค่าใช้จ่ายบ้างตัวตัดได้ก็ตัด ส่วนเรื่องการลดค่าตอบแทนผู้บริหารและบอร์ด ได้ดำเนินการแล้ว ขณะนี้อยู่ระหว่างดำเนินการเพื่อลดวันหยุดงาน 1 วัน