'แกร็บ' รุกหนักฟินเทค รับอนาคตสังคมไร้เงินสดในไทย

'ซีอีโอ แกร็บ' โชว์วิสัยทัศน์ซูเปอร์แอป เปิดตัว แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ผนึกพันธมิตรปล่อยสินเชื่อ เจาะผู้ไม่มีบัญชีธนาคาร-กลุ่มผู้เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคารได้ยาก

แกร็บ (Grab)ผู้ให้บริการซูเปอร์แอปพลิเคชัน เปิดตัว แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป รองรับผู้ใช้งานให้สามารถจับจ่ายในรูปแบบไร้เงินสด วางเป้าหมายคนไทยให้เข้าถึงบริการทางการเงินได้มากขึ้น ในงาน บางกอก ฟินเทค แฟร์ 2019 ที่ผ่านมา

นายแอนโทนี่ ตัน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและผู้ร่วมก่อตั้งแกร็บ กล่าวว่า ฟินเทค จะเอื้อประโยชน์แก่สังคมและเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก จากความร่วมมือกับพาร์ทเนอร์และภาครัฐ โดย แกร็บ มุ่งมั่นขับเคลื่อนภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ให้ก้าวไปข้างหน้า ด้วยการเข้าถึงกลุ่มคนที่ไม่มีบัญชีธนาคารจำนวนหลายล้านคน ให้สามารถเข้าถึงการชำระเงินดิจิทัลและบริการทางการเงินอื่นๆ ได้เพื่อเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจรวมถึงยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้คน

ทั้งนี้ หลังจากเปิดตัว แกร็บ ไฟแนนเชียล กรุ๊ป ในเดือนมีนาคม ปีที่ผ่านมา สามารถเข้าถึงกลุ่มเป้าหมาย ผู้ที่ไม่มีบัญชีธนาคาร และ ผู้ที่เข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคารได้ยาก ให้สามารถเปิดบัญชีธนาคารกว่า 1 ล้านบัญชี และได้ขึ้นเป็นแพล็ตฟอร์ม ดิจิทัล วอลเล็ต ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ปัจจุบัน แกร็บ เป็นบริษัทเพียงบริษัทเดียวที่ได้รับอนุญาตให้ประกอบการการเงินอิเล็กทรอนิกส์ (e-money licenses)ใน 6 ประเทศหลักของอาเซียน ได้แก่ สิงคโปร์ มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ เวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย

นอกจากนี้ โดยในเดือนพฤศจิกายน ปีที่ผ่านมา แกร็บ ประเทศไทย ยังได้ร่วมมือทางกลยุทธ์กับธนาคารกสิกรไทย พัฒนานวัตกรรมร่วมกันเพื่อสร้างประสบการณ์ใหม่ในการใช้บริการของผู้บริโภค รวมถึงสร้างความแข็งแกร่งให้กับระบบนิเวศของแกร็บ โดยใช้ศักยภาพความเป็นผู้นำด้านดิจิทัลแบงกิ้งของธนาคาร ทำให้แกร็บ สามารถเปิดตัวบริการทางการเงินอันหลากหลายภายใต้พันธมิตรนี้ ได้แก่

บริการสินเชื่อส่วนบุคคล โดยแกร็บได้เปิดให้บริการแก่พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้ โดยไม่ต้องมีหลักประกัน ซึ่งผู้ขับขี่สามารถใช้เงินสินเชื่อส่วนบุคคลในการบำรุงรักษารถ ค่าใช้จ่ายทางการศึกษาของบุตร ค่าเช่า และค่าใช้จ่ายในชีวิตประจำวัน

บริการสินเชื่อเช่าซื้อ แกร็บได้ร่วมมือกับลีสซิ่งกสิกรไทย และได้เปิดให้บริการในสัปดาห์นี้ เพื่อสนับสนุนสินเชื่อรถจักรยานยนต์ใหม่แก่พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่แกร็บในการให้บริการลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น บริการสินเชื่อสำหรับผู้ประกอบการเอสเอ็มอี สำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้าของแกร็บโดยไม่ต้องมีหลักประกันและดอกเบี้ยต่ำ เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์ร้านค้าสามารถเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจอย่างรวดเร็ว

นอกจากนี้ ยังมีบริการทางการเงิน เช่น การเปิดบัญชีถึงที่ การให้บริการธุรกรรมโอนเงินเข้าออกผ่านแอปสำหรับพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่และร้านค้า เพื่อช่วยเพิ่มความสะดวกสบายและความยืดหยุ่นในการทำงาน รวมถึงการช่วยให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่สามารถซื้อโทรศัพท์มือถือได้โดยไม่คิดดอกเบี้ย

นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่าปัจจุบันมีผู้ใช้แกร็บมากขึ้น โดยตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาแกร็บมุ่งมั่นอย่างมาก ต่อการนำบริการด้านการเงินเข้ามาขับเคลื่อนการเข้าถึงบริการทางการเงินของประเทศ สำหรับผู้บริโภค

ปัจจุบัน มีระบบเติมเงินแกร็บเพย์ และ แกร็บ รีวอร์ดส์ ที่ผู้ใช้บริการสามารถจ่ายค่าบริการทั้งหมดของแกร็บได้ ทั้งบริการรถรับส่ง บริการส่งอาหาร หรือบริการส่งพัสดุ พร้อมสะสมแต้มรีวอร์ดส์ได้ทันทีบนแอปเดียว

ขณะที่ในส่วนของผู้ขับขี่นั้น บริษัทเสนอทางเลือกทางการเงินต่างๆ ทั้งด้านสินเชื่อส่วนบุคคลและสินเชื่อเช่าซื้อ ผ่านความร่วมมือกับธนาคารกสิกรไทย พร้อมเปิดโอกาสให้พาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ผ่อนชำระแบบไม่คิดดอกเบี้ย สำหรับพาร์ทเนอร์ร้านค้ายังมีสินเชื่อเอสเอ็มอี เพื่อช่วยให้พาร์ทเนอร์แกร็บสามารถขยายกิจการและเติบโตได้เร็วขึ้นอีกด้วย

ทั้งนี้มีรายงานผลสำรวจผู้บริโภค Global Consumer Insights ของ PwC ประจำปี 2562 พบว่าอัตราผู้ใช้งานโทรศัพท์มือถือของไทยระหว่างปี 2561 - 2562 เติบโตขึ้น 19% ล่าสุดอยู่ที่ 67% แสดงให้เห็นถึงโอกาสของไทยในการเปลี่ยนผ่านสู่สังคมไร้เงินสดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า รวมถึงบริการทางการเงินดิจิทัลอื่นๆ สอดคล้องกับการขับเคลื่อนเศรษฐกิจสู่ประเทศไทย 4.0

แกร็บ (Grab)ก่อตั้งบริษัทฯในปี 2555 โดยซูเปอร์แอปพลิเคชันแกร็บ ได้ถูกดาวน์โหลดบนโทรศัพท์มือถือมากกว่า 155 ล้านเครื่องในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ผู้ใช้บริการสามารถเข้าถึงพาร์ทเนอร์ผู้ขับขี่ ร้านค้า และผู้แทนกว่า 9 ล้านราย โดยแกร็บยังมีเครือข่ายการให้บริการขนส่งทางบกที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค ให้บริการการเดินทางไปมากกว่า 3 พันล้านเที่ยว นอกจากนี้ แกร็บยังนำเสนอบริการการเดินทางแบบออนดีมานด์ที่หลากหลายที่สุดในภูมิภาค และครอบคลุมบริการรับส่งอาหารและจัดส่งพัสดุสินค้า ทั่วทั้ง 336 เมืองใน 8 ประเทศ