posttoday

รัฐกั๊กแก้ผูกขาดร้านดิวตี้ฟรีโยนคมนาคมพิจารณาชงเรื่อง

19 มกราคม 2562

"สมคิด" ระบุไม่แทรกแซง รอคมนาคมเลือกวิธีบริหารสัมปทานร้าน ดิวตี้ฟรีเสนอเข้ามา สมาคมค้าปลีกยื่นนายกฯ 3 ข้อเลิกระบบผูกขาด

"สมคิด" ระบุไม่แทรกแซง รอคมนาคมเลือกวิธีบริหารสัมปทานร้าน ดิวตี้ฟรีเสนอเข้ามา สมาคมค้าปลีกยื่นนายกฯ 3 ข้อเลิกระบบผูกขาด

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า สำหรับแนวทางการเปิดประมูลสัมปทานร้านค้าปลอดอากร หรือดิวตี้ฟรี ในพื้นที่สนามบินสุวรรณภูมิ ซึ่งสมาคมผู้ค้าปลีกไทยกับสมาคมร้านค้าปลอดอากรได้ยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 18 ม.ค.นั้น ในประเด็นนี้ทางรัฐบาลเองยังไม่ได้มีการคุยหารือในเรื่องนี้ โดยจะให้ทางคณะกรรมการที่เกี่ยวข้องพิจารณาก่อน ซึ่งทั้งหมดอยู่ในอำนาจของกระทรวงคมนาคมให้พิจารณาแล้วเสนอเข้ามา ให้กระทรวงคมนาคมพิจารณาและเสนอเข้ามารัฐบาลจะไม่เข้าไปแทรกแซง

นายวรวุฒิ อุ่นใจ ประธานสมาคม ผู้ค้าปลีกไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 18 ม.ค.ที่ผ่านมา ทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทยได้จับมือร่วมกับสมาคมร้านค้าปลอดภาษีอากรไทย ร่วมกันเข้าไปยื่นหนังสือถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ผ่านนาย สมพาศ นิลพันธ์ ที่ปรึกษาปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อให้ทบทวนหลักเกณฑ์การให้สัมปทานธุรกิจร้านค้าปลอดอากร การจัดตั้งจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน และการลดอัตราอากรขาเข้า เนื่องจากปัจจุบันประเทศไทยต้องสูญเสียรายได้จากการที่คนไทยหันไปช็อปปิ้งสินค้าแฟชั่น

ขณะเดียวกัน ในส่วนของนักท่องเที่ยว ต่างชาติเองก็ไม่นิยมช็อปปิ้งสินค้าในประเทศไทย โดยเฉพาะในห้างค้าปลีก เนื่องจากราคาขายค่อนข้างสูงเมื่อเทียบกับต่างประเทศและในดิวตี้ฟรี ดังนั้น จึงอยากให้ภาครัฐหันมาทบทวนในเรื่องดังกล่าว หลังจากเดือน มี.ค. 2561 ได้มีการยื่นข้อเสนอแนะเข้าไปแล้วครั้งหนึ่ง

"ตอนนี้ผู้ประกอบการค้าปลีกค่อนข้างกลัวดิวตี้ฟรี เพราะทั้งคนไทยและต่างชาติไม่นิยมช็อปปิ้งในห้าง เนื่องจากต้องการรอไปช็อปปิ้งในดิวตี้ฟรี ซึ่งหากภาครัฐสามารถแก้ไขปัญหาในเรื่อง ดังกล่าวได้ จะทำให้ค้าปลีกไทยกลับมาเติบโตได้ที่ 8-10% เท่ากับเพื่อนบ้านในอาเซียน" นายวรวุฒิ กล่าว
         
สำหรับข้อเสนอแนะที่ทางสมาคมผู้ค้าปลีกไทยและสมาคมร้านค้าปลอดภาษีอากรไทยได้เข้าไปยื่นหนังสือในครั้งนี้ ประกอบด้วย 3 ข้อหลัก คือ 1.ยกเลิกระบบผูกขาด 2.จัดให้มีจุดส่งมอบสินค้าสาธารณะในสนามบิน (Pick up counter) และ 3.พิจารณาลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับสินค้านำเข้าที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว
         
นอกจากนี้ มาตรการยกเว้นหรือลดอากรยังส่งผลให้คนในประเทศลดการใช้จ่ายในต่างประเทศ อีกทั้งยังลดการซื้อขายในตลาดของหิ้ว (Grey Market) ให้น้อยลงอีกด้วย จึงขอเสนอแนะว่าควรพิจารณาลดหย่อนอากรขาเข้าสำหรับสินค้าประเภทที่ได้รับความนิยมจาก นักท่องเที่ยวต่างชาติและประเภทที่ นักท่องเที่ยวไทยนิยมซื้อจากต่างประเทศ เพื่อยกระดับศักยภาพการแข่งขันของประเทศไทยให้ดียิ่งขึ้นในระดับภูมิภาค และสร้างผลประโยชน์ให้กับทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน ประชาชน รวมถึงนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในประเทศไทย
         
นายวรวุฒิ กล่าวอีกว่า หากภาครัฐสามารถปรับโครงสร้างภาษีได้จะทำให้ประเทศไทยสามารถแข่งขันกับประเทศเพื่อนบ้านได้ และอุตสาหกรรมค้าปลีกท่องเที่ยวจะมีรายได้เพิ่มเป็นประมาณ 2.7 แสนล้านบาท/ปี เป็นการเพิ่มขึ้นถึง 1 ใน 3 ของรายได้จากการจับจ่ายใช้สอยของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ซึ่งรายได้ที่เกิดขึ้นดังกล่าวจะส่งผลให้ภาครัฐได้รับผลประโยชน์สุทธิรวมกว่า 3.2 หมื่นล้านบาท/ปี

ภาพประกอบข่าว:สมาคมผู้ค้าปลีกไทยร่วมกับสมาคมร้านค้าปลอดภาษีอากรไทยยื่นหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีให้ทบทวนหลักเกณฑ์การให้สัมปทานธุรกิจดิวตี้ฟรี