ไทยแลนด์เบียนนาเลย์กระบี่ คาดเงินสะพัด 7 พันล้าน

โดย: อชัถยา ชื่นนิรันดร์

งานมหกรรมศิลปะนานาชาติระดับโลก Thailand Biennale Krabi 2018 ซึ่งมีพิธีเปิดไปอย่างน่าประทับใจเมื่อวันที่ 2 พ.ย.ที่ผ่านมา การจัดแสดงผลงานศิลปะโดยศิลปินชั้นนำจากทั่วโลกกว่า 70 ชิ้น ตลอดระยะเวลา 4 เดือนจากนี้ไป คาดว่าจะมีผู้เข้าชมเดือนละประมาณ 1 แสนคน และคาดว่าจะสร้างรายได้รวมแล้วกว่า 7,000 ล้านบาท

“การจัดงานครั้งนี้เป็นครั้งแรกของประเทศไทย ชาวกระบี่ภูมิใจอย่างยิ่งที่ทำให้งานศิลปะเติบโตที่กระบี่รวมถึงเด็กจะได้เข้าใจเข้าถึงธรรมชาติท้องถิ่น ผ่านงานศิลปะ คาดว่าสามารถสร้างรายได้ไม่ต่ำกว่า 7,000 ล้านบาท และงานไทยแลนด์เบียนนาเล่ย์ ครั้งนี้ สามารถต่อยอดผลักดันให้มีการสร้างหอศิลป์นานาชาติอันดามันงบประมาณ 88 ล้านบาท จากกลุ่มจังหวัด คาดว่าก่อสร้างเสร็จและเปิดได้ในต้นปี 2564 สถานที่ตั้งอยู่ด้านหลังหอศิลป์อันดามันบนพื้นที่ 1 ไร่ ความสูง 5 ชั้น จะเป็นหน้าตาของเมืองจะสร้างความสุขสร้างรายได้ในพื้นที่” กีรติศักดิ์ ภูเก้าล้วน นายกเทศมนตรีเมืองกระบี่ บอกถึงความมั่นใจในความสำเร็จของงาน

พ.ต.ท.ม.ล. กิติบดี ประวิตร ผวจ.กระบี่ กล่าวว่า จ.กระบี่ ขอขอบคุณรัฐบาล นายกรัฐมนตรี และ ครม.ผู้เกี่ยวข้องทุกกระทรวงที่สนับสนุนให้มีการจัดงานนี้ ซึ่งกระบี่มีความพร้อมในหลายด้าน โดยเฉพาะความงดงามทางธรรมชาติและมีศิลปะจากทั่วโลกมาอยู่ที่กระบี่ด้วยช่วยเติมความงดงามให้กระบี่มากยิ่งขึ้น คาดว่านักท่องเที่ยวมาแล้วอยากให้ประทับใจ ขอเชิญทุกคนมาเยี่ยมชมงานระดับโลกจัดยิ่งใหญ่ที่สุดเท่าที่ประเทศไทยเคยจัดมา

“ช่วงนี้เริ่มเข้าไฮซีซั่นนักท่องเที่ยวเข้ามาจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะจากทางยุโรปมีนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นปีละ 20% ปีที่แล้วมีเข้ามา 6 ล้านคน รายได้จากการท่องเที่ยวประมาณ 9.8 หมื่นล้านบาท หลังจบงานไทยแลนด์ เบียนนาเลย์ จะมีการหารือกันว่างานชิ้นไหนศิลปินเอากลับไปและงานชิ้นไหนคงอยู่ เพื่อทางจังหวัดจะได้เตรียมการนำไปไว้ในจุดที่เหมาะสม เพื่อให้ประชาชนได้มีโอกาสได้ชมต่อไป” ผวจ.กระบี่ กล่าว

วีระ โรจน์พจนรัตน์ รมว.วัฒนธรรม กล่าวว่า การจัดงานครั้งนี้ยิ่งใหญ่ที่สุดที่เคยมีมาในไทย และเป็นต้นแบบที่จะมีการจัดครั้งต่อไปในเมืองศิลปะที่ จ.นครราชสีมา และเชียงราย

“การมาจัดงานระดับโลกในต่างจังหวัดไม่ใช่ทำได้ง่าย ธีมการจัดได้เชิญศิลปินที่มีแนวทางผลงานเป็นที่ประจักษ์งานศิลปะส่งเสริมสิ่งแวดล้อมธรรมชาติมีผลงานต่างๆ เสนอในไทย คัดเลือกจากศิลปินที่มีชื่อเสียง ผลงานล้วนมีความหมายส่งเสริมให้คนรักธรรมชาติสิ่งแวดล้อม ในอนาคตกระบี่จะเป็นศูนย์กลางการจำหน่ายภาพงานศิลปะหรือศูนย์กลางการประมูลภาพศิลปะ กระทรวงวัฒนธรรมจะช่วยกันผลักดันให้เกิดมูลค่าอย่างแท้จริง”

รมว.วัฒนธรรม คาดว่า จะมีผู้เข้าชมไม่น้อยกว่าเดือนละแสนคน ส่วนการเตรียมการจัดงานครั้งต่อไปที่ จ.นครราชสีมา จากนั้นอีก 2 ปี จะไปจัดที่ จ.เชียงราย โดยกระทรวงวัฒนธรรมให้จ.กระบี่ นครราชสีมา และเชียงราย เป็นเมืองแห่งศิลปะของประเทศไทย

วิมลลักษณ์ ชูชาติ ผู้อำนวยการสำนักงานศิลปวัฒนธรรมร่วมสมัย กระทรวงวัฒนธรรม บอกว่า การจัดงานครั้งนี้ด้วยแนวคิด Edge of The Wonderland หรือสุดขอบฟ้าแห่งดินแดนมหัศจรรย์ ซึ่งจะจัดไปจนถึงวันที่ 28 ก.พ. 2562 เพื่อยกระดับมาตรฐานการจัดงานศิลปะของไทยให้เทียบเท่าระดับนานาชาติ สร้างโอกาสให้ศิลปินไทยได้แสดงความสามารถบนเวทีระดับโลก

“การจัดงานนี้เป็นการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยวในพื้นที่ ด้วยการนำศิลปะมาช่วยดึงดูดความสนใจ โดยความโดดเด่นของธรรมชาติพื้นที่จัดแสดงงานกว่า 70 ชิ้น โดยศิลปินขั้นนำจากทั่วโลกถูกจัดวางอยู่กลางแจ้งในพื้นที่ธรรมชาติ เป็นงานศิลปะที่ศิลปินสร้างสรรค์ขึ้นบนตำแหน่งที่เฉพาะเจาะจงคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม บริบททางศิลปวัฒนธรรมในพื้นที่ ทุกภาคส่วนมีส่วนร่วมจัดกิจกรรม การแสดงศิลปวัฒนธรรม การจัดถนนศิลปะ การออกร้านต่างๆ เพื่อให้นักท่องเที่ยวได้ร่วมสัมผัสเรียนรู้วิถีชีวิตประเพณีศิลปวัฒนธรรมควบคู่กัน โดยความแตกต่างของงานนี้เป็นครั้งแรกของไทยคือ พื้นที่จัดแสดงจัดวางในพื้นที่ธรรมชาติหลายแห่งใน จ.กระบี่ ดึงความงดงามวัฒนธรรมท้องถิ่นความน่าสนใจของกระบี่ผ่านชิ้นงานศิลปะ ในพื้นที่สร้างสรรค์ผลงานศิลปินกว่า 33 ประเทศ และศิลปินไทย ได้แก่ อุทยานแห่งชาติหาดนพรัตน์ธารา อุทยานแห่งชาติธารโบกขรณี ท่าปอมคลองสองน้ำ เขาขนาบน้ำและพื้นที่สาธารณะรอบตัวเมืองกระบี่”

ด้าน Jiang Jiehong หรือ JOSHUA หัวหน้าทีมภัณฑารักษ์งานไทยแลนด์ เบียนนาเลย์ กระบี่ 2018 กล่าวว่า งานนี้เป็นการเปิดประสบการณ์ชมศิลปะในรูปแบบใหม่ค่อนข้างท้าทายมาก เนื่องจากจัดงานแบบนอกสถานที่ไม่มีหลังคา ไม่มีสิ่งก่อสร้างอื่นใดนอกจากชิ้นงานของศิลปินต้องสร้างให้ผสมผสานกลมกลืนกับธรรมชาติ

“เราต้องการดึงความงดงามของวัฒนธรรมท้องถิ่นและความน่าสนใจของกระบี่ออกมาให้คนทั่วโลกได้ประจักษ์ผ่านชิ้นงานศิลปะ หวังให้งานนี้เป็นต้นแบบให้ภูมิภาคในชุมชนทางวัฒนธรรม เจาะจงลงแต่ละพื้นที่ให้อยู่อย่างมั่นคงไม่ทำลายธรรมชาติไม่กระทบสิ่งแวดล้อม ที่สำคัญคือทำให้งานเบียนนาเลย์ใหม่นี้เกิดความสำคัญกับทั่วโลก ตั้งใจทำให้ไทยแลนด์ เบียนนาเลย์ กระบี่ เป็นโมเดลใหม่ให้ทุกคนต่างจากเบียนนาเล่อื่นทั่วโลก” JOSHUA กล่าว

จำนวนผู้เข้าชมและเม็ดเงินจากการท่องเที่ยวที่ได้จากงานนี้นับเป็นความสำเร็จที่น่าภูมิใจ แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้นก็คือ งานครั้งนี้คือหมุดหมายเริ่มต้นของการพัฒนากระบี่ให้เป็นเมืองศิลปะต่อไป