posttoday

บอร์ดขสมก.เคาะไฟเขียวแผนซื้อรถเมล์ใหม่

12 ตุลาคม 2561

บอร์ดขสมก.เคาะไฟเขียวแผนซื้อรถเมล์ใหม่ 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมตีกลับแผนซ่อมรถเมล์ 323 คัน ยันเดินหน้าบอกเลิกสัญญาแคชบ็อก

บอร์ดขสมก.เคาะไฟเขียวแผนซื้อรถเมล์ใหม่ 1.6 หมื่นล้านบาท พร้อมตีกลับแผนซ่อมรถเมล์ 323 คัน ยันเดินหน้าบอกเลิกสัญญาแคชบ็อก
 
นางพนิดา ทองสุข รองผู้อำนวยการฝ่ายบริหาร องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ(ขสมก.) เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะกรรมการบริหาร(บอร์ด)ได้ตีกลับแผนการบอกเลิกสัญญาโครงการเช่าระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์พร้อมอุปกรณ์ (E-Ticket) และกล่องเก็บค่าโดยสาร (Cash box) บนรถโดยสารประจำทาง 2,600 คัน วงเงิน 1,665 ล้านบาท และแผนปรับปรุงรถเมล์เก่าจำนวน 323 คัน โดยให้กลับไปทำข้อมูลเพิ่มก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมบอร์ดในช่วงปลายเดือนนี้ อย่างไรก็ตามสำหรับการบอกเลิกสัญญา Cash box นั้นเชื่อว่าจะดำเนินการได้โดยไม่มีปัญหาเนื่องจากในสัญญาระบุว่ากระทำได้ ส่วนด้านราคากลางใหม่นั้นอยู่ระหว่างสรุปตัวเลขว่าจะเป็นเท่าใด แต่เบื้องต้นในทีโออาร์กำหนดชัดอยู่แล้วว่าสัญญาดังกล่าวแบ่งเป็นค่าCash Box วงเงิน 666 ล้านบาทคิดเป็น 40% ขณะที่ค่า E-ticket วงเงิน 999 ล้านบาท คิดเป็น 60% อย่างไรก็ตามหลังจากนี้จะเร่งหาข้อสรุปเพื่อเสนอบอร์ดจากนั้นจะเดินหน้าเจรจากับเอกชนคู่สัญญาคือ บริษัท ช.ทวี จำกัด(มหาชน) หรือ CHO ต่อไป

นางพนิดากล่าวต่อว่าส่วนด้านแผนปรับปรุงรถเมล์เก่าจำนวน 323 คันนั้นอยู่ระหว่างปรับปรุงรายละเอียดทีโออาร์ตามข้อสังเกตของบอร์ดที่แนะนำกลับมา เช่นเรื่องขอบเขตการซ่อมบำรุง แต่เบื้องต้นได้ข้อสรุปเรื่องราคากลางแล้วว่าจะอยู่ที่ 155 ล้านบาท หรือคันละ 480,000 บาท ทั้งนี้ขสมก.มีแผนจะเดินหน้าประกวดราคาให้ได้ในช่วงปลายปีนี้ก่อนลงนามสัญญาต้นปีหน้า

ด้านนายประยูร ช่วยแก้ว รักษาการผู้อำนวยการขสมก.กล่าวว่าที่ประชุมบอร์ดได้พิจารณาแผนฟื้นฟูกิจการขสมก.ซึ่งจะทำให้ ขสมก.สามารถเลี้ยงตัวเองได้ ไม่เป็นภาระกับภาครัฐ และประชาชนผู้ใช้บริการจะได้รับความสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยในการใช้บริการมากยิ่งขึ้น เริ่มจากแผนบริหารจัดการหนี้ 1 แสนล้านบาทนั้นจะขอให้รัฐบาลรับภาระหนี้ที่เกิดจากนโยบายของภาครัฐคิดเป็น 80% ของหนี้ทั้งหมดหรือราว 8 หมื่นล้านบาท ส่วนด้านการเพิ่มรายได้นั้นมี 5 แนวทางคือ 1.ปรับเพิ่มค่าโดยสารรถเมล์ใหม่ 2.ขอรับการสนับสนุนการให้บริการสาธารณะ (PSO) 3.ใช้งานรถเมล์ที่มีเต็มประสิทธิภาพ 4.จัดเก็บค่าตอบแทนค้างชำระของรถเอกชนร่วมบริการ 5.พัฒนาพื้นที่เชิงธุรกิจในอู่บางเขนและอู่มีนบุรี ดังนั้นแผนการจัดซื้อรถเมล์ใหม่เพื่อใช้เกณฑ์ราคาใหม่นั้น ขสมก.มีแผนจัดซื้อรถโดยสารปรับอากาศใช้เชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติ (NGV) จำนวน 489 คัน แผนจัดซื้อรถโดยสารไฮบริด จำนวน 1,453 คัน วงเงิน 11,624 ล้านบาท แผนเช่ารถโดยสารใหม่ จำนวน 700 คัน แบ่งเป็น รถเมล์ไฮบริด 400 คัน วงเงิน 3,257 ล้านบาท และรถเมล์NGV 300 คัน วงเงิน 1,783 ล้านบาท ตลอดจนโครงการปรับปรุงรถเก่า 323 คัน วงเงิน 155 ล้านบาท นอกจากนี้ยังมีแผนการปรับปรุงเส้นทางเดินรถเพื่อลดการทับซ้อน เชื่อมต่อและรองรับกับระบบขนส่งสาธารณะระบบราง และมีเส้นทางผ่านสถานที่ท่องเที่ยวและสถานที่สำคัญตลอดจนการนำเทคโนโลยีใหม่มาใช้เช่นการติดตั้งระบบชำระเงินด้วยบัตรสวัสดิการภาครัฐ(E-Ticket) การชำระค่าโดยสารผ่านมือถือด้วยระบบ QR Code การเชื่อมต่อบัตรตั๋วร่วม รวมถึงการติดตั้ง Free Wi-Fiและระบบ การติดตั้งระบบตรวจสอบและติดตามการปฏิบัติการเดินรถ (GPS) บนรถโดยสาร ตลอดจนการติดตั้งป้ายอัจฉริยะการติดตั้งและใช้งานในระบบบัตรโดยสารอิเล็กทรอนิกส์บนรถโดยสาร (E-Ticket)
 
นายประยูรกล่าวต่อว่าส่วนด้านการปรับโครงสร้างองค์กรให้มีขนาดกระชับลง (LEAN) ซึ่งเป็นหนึ่งในแผนลดค่าใช้จ่ายของแผนฟื้นฟูนั้นจะมีการเกษียณอายุก่อนกำหนด (Early Retirement) รวม 5,051 คน      แบ่งเป็นปี 2563 พนักงานสำนักงาน จำนวน 655 คน ปี 2564 พนักงานเก็บค่าโดยสาร จำนวน 2,198 คนและปี 2565 พนักงานเก็บค่าโดยสาร จำนวน 2,198 คน นอกจากนี้จะมีการปรับเปลี่ยนหน้าที่พนักงานให้มีความเหมาะสม จำนวนพนักงานเก็บค่าโดยสารที่เปลี่ยนหน้าที่เป็นพนักงาน จำนวน 448 คน ในปี 2563