เล็งกู้จีนเดินหน้ารถไฟเร็วสูง

"อาคม" เล็งกู้เอ็กซิมแบงก์จีนลุยรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯหนองคาย เร่งประกวดราคา 2 เฟสปีนี้

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คมนาคม เปิดเผยความคืบหน้าโครงการรถไฟความเร็วสูงกรุงเทพฯ-หนองคาย ว่า ขณะนี้กระทรวงคมนาคมอยู่ระหว่างสรุปแนวทางด้านการจัดหาแหล่งเงินทุนเพื่อดำเนินโครงการตามเป้าหมายที่รัฐบาลไทยจะเป็นผู้ลงทุนโครงการเองทั้งหมด ล่าสุดได้เจรจากับธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าของสาธารณรัฐประชาชนจีน (China EXIM Bank) เพื่อสอบถามถึงตัวเลขเงินกู้ และการรับความเสี่ยงที่เหมาะสม แต่ทั้งนี้กระทรวงการคลังจะพิจารณาแหล่งเงินกู้และอัตราดอกเบี้ยที่เหมาะสมที่สุด

สำหรับความคืบหน้าการก่อสร้างเฟส 1 ช่วงกรุงเทพฯ-นครราชสีมานั้น ขณะนี้ตอนที่ 1 สถานีกลางดง-ปางอโศก ระยะทาง 3.5 กม. เริ่มดำเนินการก่อสร้างแล้วมีความก้าวหน้าร้อยละ 11 ล่าช้ากว่าแผนงานเล็กน้อย เนื่องจากฝนตกหนักอย่างต่อเนื่อง ส่วนตอนที่ 2 ช่วงสีคิ้ว-กุดจิก ระยะทาง 11 กม. คาดว่าจะประกวดราคาภายในเดือน ส.ค.นี้ ส่วนอีก 12 สัญญา จะทยอยประกวดราคาภายในปี 2561

ขณะที่เฟส 2 ช่วงนครราชสีมาหนองคาย ทั้งสองฝ่ายตกลงว่าไทยจะเป็นผู้ศึกษาและออกแบบรายละเอียด โดยมีจีนเป็นที่ปรึกษา ขณะนี้การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) อยู่ระหว่างดำเนินการจัดจ้างที่ปรึกษา คาดว่าจะประกวดราคาต้นปี 2562 และก่อสร้างแล้วเสร็จในปี 2565 ขณะที่เฟส 3 ช่วงหนองคาย-เวียงจันทน์นั้น จีนจะเป็นเจ้าภาพในการศึกษาและออกแบบรายละเอียด โดยทั้งสองฝ่าย เห็นชอบในหลักการก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำโขงแห่งใหม่ เพื่อใช้เป็นสะพานสำหรับรถไฟความเร็วสูง (ขนาดทางมาตรฐาน) และรถไฟทางคู่ (ขนาดทาง 1 เมตร)

แหล่งข่าวจากการทางพิเศษแห่งประเทศไทย (กทพ.) เปิดเผยว่า ได้เสนอให้นายอาคม พิจารณาแนวทางการแก้ปัญหาโครงการก่อสร้างทางด่วนขั้นที่ 3 สายเหนือ (N2) หลังที่ประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) ได้มีมติชะลอโครงการออกไป เพื่อรอการเปิดระดมทุนไทยแลนด์ฟิวเจอร์ฟันด์ (TFF) โดย 1.ให้ก่อสร้างทางด่วนร่วมกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล 2.สร้างทางด่วนแยกกับรถไฟฟ้าสายสีน้ำตาล และเริ่มโครงการก่อสร้างได้เลย ทั้งนี้ กทพ.จะนัดประชุมกับสำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) และกระทรวงคมนาคมในสัปดาห์หน้า
         
ทั้งนี้ ต้องเร่งเสนอรายงานผลกระทบ สิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) ให้สำนักงานนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (สผ.) พิจารณาเห็นชอบก่อนเสนอเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรีต่อไป

ภาพประกอบข่าว