posttoday

คลังชงครม.เคาะลดภาษีรถยนต์คันแรก

12 กันยายน 2554

คลังชงลดภาษีรถยนต์คันแรกไม่เกิน1แสนบาทให้ครม.ตัดสินใจขยายความครอบคลุมผู้มีรายได้น้อย

คลังชงลดภาษีรถยนต์คันแรกไม่เกิน1แสนบาทให้ครม.ตัดสินใจขยายความครอบคลุมผู้มีรายได้น้อย

นายบุญทรง เตริยาภิรมย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า กระทรวงการคลัง ได้เสนอมาตรการลดภาระภาษีรถยนต์คันแรกไปยังสำนักงานรัฐมนตรี เพื่อรอบรรจุเข้าวาระการพิจารณาของคณะรัฐมนตรี (ครม.) แล้ว โดยหลักการได้ขยายให้ครอบคลุมผู้มีรายได้น้อยมากขึ้น จากเดิมที่ให้สิทธิเฉพาะผู้ซื้อรถยนต์อีโคคาร์และรถปิกอัพ ตามที่รัฐบาลต้องการสนับสนุนให้มีการลงทุน และเน้นที่รถประหยัดพลังงานเท่านั้น เป็นให้สามารถซื้อรถยนต์ประเภทใดก็ได้ที่ราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท โดยจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีสรรพสามิตในอัตราตามจริง แต่ไม่เกิน 1 แสนบาท
 

คลังชงครม.เคาะลดภาษีรถยนต์คันแรก คลังชงครม.ลดภาษีรถยนต์คันแรก

ทั้งนี้ วิธีการให้สิทธิประโยชน์จะออกแบบให้บุคคลที่ใช้สิทธิซื้อรถยนต์ในราคาเต็มรวมภาษี มาใช้สิทธิขอคืนภาษีในภายหลัง ซึ่งจะไม่ทำให้รถยนต์มีราคาลดลงในทันที แต่จะได้สิทธิลดภาระภาษีในเวลา 1-3 ปี ขึ้นกับการตัดสินใจของที่ประชุม ครม. แต่ไม่ว่าจะออกมารูปแบบใด ผู้ซื้อก็จะได้รับประโยชน์เท่าเทียมกัน แต่ส่วนตัวมองว่าไม่ควรใช้สิทธิลดภาระภาษีภายใน 1 ปี เพราะอาจมีปัญหาเรื่องการขายต่ออย่างรวดเร็วหรือมีการสวมสิทธิ โอนลอย

สาเหตุที่เปลี่ยนแปลงรูปแบบจากการหักลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามาเป็นภาษีสรรพสามิต เพราะจะมีความสะดวกและชัดเจนที่คืนภาษีสรรพสามิตในฐานะที่จัดเก็บภาษีรถยนต์อยู่แล้ว และทุกคนจะได้รับประโยชน์จากมาตรการดังกล่าว ไม่เฉพาะผู้ที่อยู่ในระบบภาษีสรรพากรเท่านั้น&<42;
 
นายบุญทรงกล่าวถึงโครงการบ้านหลังแรกว่า รัฐบาลยืนยันที่จะดำเนินการแน่นอน ซึ่งอยู่ระหว่างพิจารณารายละเอียด จึงไม่สามารถเสนอได้ทันโครงการรถยนต์คันแรก และจะให้สิทธิลดหย่อนภาษีแทนให้สินเชื่อดอกเบี้ย 0% เป็นเวลา 5 ปี

ด้าน นายพงษ์ภาณุ เศวตรุนทร์  อธิบดีกรมสรรพสามิต เปิดเผยว่า กระทรวงการคลังเตรียมนำเรื่องการคืนเงินภาษี 1 แสนบาทสำหรับผู้ที่รถคันแรกเข้าสู่การพิจารณาของที่ประชุมคณะรัฐมนตรี ( ครม. ) วันที่13 ก.ย. นี้ โดยมีสาระสำคัญคือ ผู้ซื้อต้องเป็นผู้ที่บรรลุนิติภาวะแล้ว โดยมีอายุตั้งแต่ 21 ปีขึ้นไป และต้องซื้อรถใหม่ที่มีราคาไม่เกิน 1 ล้านบาท แยกเป็น 2 กรณีคือรถยนต์นั่งทุกยี่ห้อ เครื่องยนต์ไม่เกิน 1,500 ซีซี และรถกระบะ ไม่จำกัดซีซี โดยต้องซื้อก่อนวันที่ 30 ธ.ค. 2554 เพื่อขอรับสิทธิ์เป็นเช็คมูลค่าไม่เกิน 1 แสนบาทภายใน 1 ปีหลังจากวันที่ซื้อ

ทั้งนี้ผู้ซื้อต้องถือครองรถ หรือห้ามโอนเปลื่ยนมือภายใน 5 ปี เบื้องต้นคาดว่าผลจากมาตรการดังกล่าวน่าจะทำให้ประชาชนซื้อรถเพิ่มขึ้นอีก 5 แสนคัน คาดว่าจะกระทบต่อรายได้รัฐที่หายไปประมาณกว่า 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันที่มียอดผลิตรถยนต์ 1,500 ซีซ๊ประมาณปีละ 1.9 แสนคัน โดย 1 แสนคันเป็นรถที่ส่งออกและอีก  9 หมื่นคันขายในประเทศ