posttoday

หุ้นกลุ่มพาณิชย์ฟื้นตามจีดีพี CPALL เด่นที่สุด

03 ตุลาคม 2560

โดย...บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)

โดย...บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)

พลันที่เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างชัดเจนเห็นได้จากการออกมาขยับเพิ่มเป้าหมายการเติบโตของเศรษฐกิจกันถ้วนหน้า โดยล่าสุดตัวเลขของหลายๆ สำนักขยับให้จีดีพีเติบโตที่ 3.8-4%

บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) ออกบทวิเคราะห์ระบุว่า การที่จีดีพียังคงเป็นขาขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง 2560 จะช่วยหนุนให้ยอดค้าปลีกขยายตัวตามไปด้วย แต่ในการฟื้นตัวจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละพื้นที่ กล่าวคือในพื้นที่กรุงเทพฯ น่าจะเติบโตได้เร็วกว่าในต่างจังหวัด  เมื่อภาพรวมเป็นเช่นนี้ ทางฝ่ายวิจัยจึงได้ปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในหุ้นกลุ่มพาณิชย์ เป็นมากกว่าตลาด หรือ Overweigh เนื่องจากมองเห็นการฟื้นตัวของการบริโภค ซึ่งจะช่วยหนุนให้ยอดค้าปลีกและจะส่งผลให้กำไรของธุรกิจในกลุ่มนี้ดีขึ้นในช่วงครึ่งปีหลังเมื่อเปรียบเทียบกับครึ่งปีแรกที่ผ่านมา และขณะนี้หุ้นกลุ่มค้าปลีกอยู่ในระยะแรกของการฟื้นตัวและการเติบโตยังคงดำเนินต่อเนื่องไปในปีหน้า

นอกจากนี้ การขยับค่าแรงจะช่วยหนุนกำลังซื้อ เพราะในส่วนของภาคอุตสาหกรรมการผลิตและก่อสร้างจะมีแรงงานอยู่ในภาคนี้ 50-100% เมื่อการส่งออก การลงทุนเติบโตจะหนุนให้แรงงานออกจากภาคเกษตรสู่ภาคอุตสาหกรรมและจะทำให้กำลังซื้อเพิ่มขึ้นด้วย

“จากการสำรวจพบว่า ผู้บริโภคมีแนวโน้มการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นในเดือน ก.ค.และต่อเนื่องมาในเดือน ส.ค. แต่การฟื้นตัวจะแตกต่างกันตามพื้นที่ กรุงเทพฯ จะโตได้เร็วกว่าต่างจังหวัดที่ยังมีภาระหนี้บุคคล และรายได้ที่ต่ำกว่า และจากการกระจุกการฟื้นตัวในกรุงเทพฯ จึงมองว่าหุ้นที่จะได้ประโยชน์และน่าลงทุน คือ ซีพี ออลล์ (CPALL) เพราะมีฐานธุรกิจในกรุงเทพฯ และมีสาขาในกรุงเทพฯ มากถึง 45% ของสาขาทั้งหมด ในขณะที่คู่แข่งอยู่ที่ 0-40% จึงคาดว่ากำไรของ CPALL จะเติบโตเด่นสุดและเติบโตแข็งแกร่งในปี 2561” บทวิเคราะห์ระบุ

นอกจากนี้ คาดว่าอัตราการขยายตัวของยอดขายสาขาเดิมของผู้ประกอบการทุกรายจะขยายตัวเป็นบวกได้ในปีหน้าตามการเติบโตของจีดีพี นอกจากนี้การปรับปรุงสาขาและประสิทธิภาพในการบริหารงานจะหนุนให้กำไรของทั้งกลุ่มโตได้มากถึง 16% จากปีนี้ที่คาดว่าจะเติบโตเพียง 9% และหากเศรษฐกิจโตเกินกว่าคาดไว้ โอกาสที่หุ้นกลุ่มค้าปลีกจะเติบโตมากกว่าที่ประมาณการไว้ก็เกิดขึ้นได้ และคาดว่ากิจการที่มีสัดส่วนรายได้จากค่าเช่าพื้นที่น้อยจะมีโอกาสเติบโตมากกว่าในกรณีที่เศรษฐกิจเติบโตเกินคาด ซึ่งในกรณีนี้ก็ยังคงเป็น CPALL จะได้อานิสงส์มากที่สุด เนื่องจากยอดขายมีผลกับผลกำไรของบริษัทมากที่สุด

ทั้งนี้ คาดว่า CPALL จะเป็นหุ้นที่เด่นสุดในกลุ่มพาณิชย์และจะเติบโตมากที่สุดถึง 20% ในปีนี้ต่อเนื่องปีหน้า และยังเป็นหุ้นที่มีโอกาสปรับตัวเพิ่มขึ้น เมื่อเปรียบเทียบกับราคาเป้าหมายถึง 23% โดยให้ราคาเป้าหมายปี 2561 อยู่ที่ 81 บาท และบริษัทยังได้อานิสงส์จากเศรษฐกิจฟื้นตัว

สำหรับบริษัท โฮม โปรดักส์ เซ็นเตอร์ (HMPRO) มีโอกาสมากในอนาคต กำไรของบริษัทจะเติบโตได้เป็นอันดับ 3 ของกลุ่ม ในช่วงปลายปี 2560 ถึงปี 2561 และยังมีโอกาสเพิ่มขึ้นจากภาวะเศรษฐกิจที่ดีขึ้น และราคาหุ้นมีโอกาสที่จะเพิ่มขึ้นอีก 9% ไปสู่ราคาเป้าหมายที่คาดไว้ว่าจะอยู่ที่ 12.40 บาท ในปลายปี 2561 ในส่วนของเซ็นทรัลพัฒนา (CPN) กำไรน่าจะเติบโตได้อันดับ 2 แต่ราคาหุ้นมีโอกาสขยับขึ้นไปสู่ราคาเป้าหมายอีกไม่มาก ขณะที่ห้างสรรพสินค้าโรบินสัน (ROBINS) มีโอกาสที่ราคาจะขยับขึ้นไปสู่ราคาเป้าหมายเป็นอันดับ 2

อย่างไรก็ตาม ก็ยังมีความเสี่ยงจากเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวช้ากว่าที่คาดไว้