TMBรุกเพิ่มลูกค้าเป็น2ล้านในปี 61
ทหารไทยรุกหนักขยายฐานลูกค้าเงินฝากและโมบายแบงก์กิ้ง ขยับสู่ปล่อยกู้ผ่านดิจิทัล
น.ส.มิ่งขวัญ พัฒนวงศ์ หัวหน้าเจ้าหน้าที่บริหารส่งเสริมการตลาดลูกค้าบุคคล ธนาคารทหารไทย เปิดเผยว่า แผนปี 2561 ตั้งเป้าเพิ่มฐานลูกค้าโมบายแบงก์กิ้ง ซึ่งเชื่อมกับบัญชีเงินฝากฟรีค่าธรรมเนียม (ออลฟรี) อีก 1 ล้านราย เป็น 2 ล้านรายในสิ้นปี โดยเป็นยุทธศาสตร์ของธนาคารที่ต้องการขยายฐานลูกค้าผ่านการเพิ่มลูกค้าบัญชีเงินฝาก ซึ่งความสะดวกของโมบายแบงก์กิ้งจะช่วยดึงเงินฝากให้เข้ามาด้วย เพราะตามลักษณะของบัญชีออลฟรี คือ เป็นบัญชีใช้ที่สะดวก
ทั้งนี้ ธนาคารรุกพัฒนาบริการใหม่ๆ บนโมบายแบงก์กิ้งอย่างต่อเนื่อง จากกลยุทธ์ 3 ด้าน คือ เป็นดิจิทัลแบงก์ที่ใช้ได้จริงที่สะดวกและง่าย มีบริการใหม่ๆ ต่อยอดการใช้ชีวิตของลูกค้า และเป็นบริการที่โปร่งใสไม่มีเงื่อนไข ส่งผลให้ยอดผู้ใช้งานโมบายแบงก์กิ้ง และอินเทอร์เน็ตแบงก์กิ้ง เพิ่มขึ้นมาเป็น 1.2 ล้านราย ภายในเวลา 3 ปี เป็นผู้ใช้อย่างต่อเนื่องเฉลี่ย 60-70%
นอกจากนี้ ยอดการทำธุรกรรมผ่านโมบายแบงก์กิ้งเพิ่มขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในเดือน ต.ค. ที่ยอดธุรกรรมเพิ่ม 4 เท่า เทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว หรือจาก 2.3 ล้านรายการต่อเนื่อง เป็น 8.4 ล้านรายการต่อดือน ส่วนใหญ่เป็นธุรกรรม โอนเงิน ชำระบิล และเติมเงิน
ล่าสุด ธนาคารได้เพิ่มบริการทีเอ็มบีว้าว ที่เป็นรูปแบบการสะสมคะแนนเมื่อทำธุรกรรมผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์ สามารถนำไปแลกของรางวัลได้ โดยบริการดังกล่าวถูกออกแบบขึ้นภายใต้รูปแบบเกมมิฟิเคชั่น (Gamification) เพื่อสร้างความแตกต่าง ไม่ให้การทำธุรกรรมเป็นเรื่องน่าเบื่อซึ่งเป็นอินไซด์หนึ่งที่ลูกค้ารู้สึกเมื่อใช้บริการทางการเงิน
นายรูว์ ไฮซแมน ประธานเจ้าหน้าที่บริหารลูกค้ารายย่อย ธนาคารทหารไทย กล่าวว่า แผนการดำเนินงานระยะ 5 ปี ระหว่างปี 2561-2565 ได้ตั้งเป้าหมายก้าวสู่การเป็นธนาคารที่ลูกค้าชื่นชอบและแนะนำมากที่สุดในไทย (The Most Advocated Bank in Thailand) โดยใช้กลยุทธ์ให้บริการที่ตรงใจ ง่าย และสะดวกกับลูกค้า โดยช่องทางดิจิทัล เป็นส่วนสำคัญในการสร้างประสบการณ์ที่ดี ควบคู่ไปกับช่องทางบริการอื่นๆ ด้วย
“จากการสำรวจธนาคารที่ลูกค้าบอกต่อเมื่อก่อน ธนาคารทหารไทยอยู่อันดับ 6 มีการบอกต่อ 28% แต่ปัจจุบันอยู่อันดับ 3 มีการแนะนำต่อถึง 58% ซึ่งเราตั้งเป้าหมายในแผน 5 ปี ต้องการเป็นอันดับ 1 ของธนาคารที่ลูกค้าแนะนำต่อ” นายรูว์ กล่าว
นายรูว์ กล่าวว่า ภายในปี 2561 ธนาคารจะเริ่มให้บริการปล่อยสินเชื่อผ่านระบบดิจิทัล (ดิจิทัลเลนดิ้ง) ให้แก่ลูกค้ารายย่อยของธนาคารได้ ทั้งสินเชื่อบ้าน สินเชื่อบุคคล และบัตรเครดิต ในลักษณะการนำเสนอบริการให้ลูกค้าที่มีคุณสมบัติตรงกับประเภทสินเชื่อเหล่านั้น โดยคุณสมบัติลูกค้าจะถูกคัดกรองจากกลุ่มความเสี่ยง (Risk Profile) ไม่ได้เป็นการเลือกตามเซคเม้นท์ ซึ่งแนวทางการขยายฐานลูกค้าผ่านเงินฝากและโมบายแบงก์กิ้งจะทำให้ธนาคารมีฐานข้อมูลของลูกค้าเพิ่มมากขึ้น สามารถนำไปวิเคราะห์และประมวลผลเพื่อพัฒนาบริการที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น