posttoday

ภาวะผู้นำแบบ Jurken Klopp

11 เมษายน 2564

คอลัมน์ บริหารคนบนความต่าง

แม้สถานการณ์ในเวลานี้ Jurken Klopp อาจจะตกอยูในสภาวะที่ยากลำบาก แต่สำหรับผมแล้ว Jurken Klopp ไม่ใช่แค่เป็นผู้จัดการทีมของทีมฟุตบอลที่ผมเชียร์ แต่ผมชื่นชมผู้ชายคนนี้เป็นอย่างมาก เพราะความเป็นตัวเขา ได้สร้างมาตรฐานใหม่ สร้างการเปลี่ยนแปลง และสร้างแรงบันดาลใจให้คนรอบข้างอย่างมาก ซึ่งผมเชื่อว่านั่นเกิดจากการมีภาวะผู้นำที่หลอมรวมอยู่ในตัวเขา ซึ่งผมมองเห็นในตัวเขาดังนี้

  • ผู้นำผู้มีวิสัยทัศน์ (Visionary Leader) – มีมุมมองกว้างไกลทั้งระบบการเล่นที่ต่างออกจากกรอบเดิม และมุมมองในการบริหารจัดการทีม
  • ผู้นำผู้สร้างแรงบันดาลใจ (Inspiring Leader) – คำพูด การแสดงออก ล้วนทำให้คนที่ได้เจอ ได้สัมผัส เกิดความรู้สึกที่เปี่ยมพลังอย่างเต็มที่
  • ผู้นำผู้เป็นจิตวิญญาณของทีม (Team Spirit Leader) – นักฟุตบอลทั้งที่อยู่กับเขาในปัจจุบัน และทีเคยเล่นให้กับเขา ต่างมีมุมมองที่เหมือนกันคือ Klopp เป็นทุกสิ่งให้พวกเขา ไม่ใช่แค่เป็นผู้จัดการทีม แต่คือคนที่อยู่ในหัวใจพวกเขา
  • ผู้นำที่มีความเป็นนักสู้อยู่ในสายเลือด (Fighting Leader) – ไม่เคยยอมแพ้ง่ายๆ แม้จะเจอสถานการณ์ที่หนักแค่ไหนก็ตาม
  • ผู้นำที่ใช้ข้อมูลนำทางการตัดสินใจ (Data Driven Leader) – สนใจใช้ข้อมูลมาประกอบการตัดสินใจตั้งแต่มีเพียวแค่ VDO มาถึงปัจจุบันที่ใช้การ Big Data เข้ามาวิเคราะห์ทั้งการซ้อม การวางแผนการเล่าน และการซื้อ ขายนักเตะ
  • ผู้นำที่ใช้ทรัพยากรจำกัดแต่ได้ผลลัพธ์มหาศาล (Optimization Leader) – การใช้เงินซื้อนักเตะเมื่อหักลบกลบแล้ว ถือว่า น้อยมากเมื่อเทียบกับทีมอื่นๆ ในการทีจะได้ถ้วยเกียรติยศมาครอง

ผู้นำผู้มีวิสัยทัศน์ (Visionary Leader)

ความเป็นผู้นำที่มีวิสัยทัศน์ของ Klopp ไม่ได้ฉายแววให้เห็นตอนมาเป็นผู้จัดการทีม แต่เขาจะมีมุมมองที่แตกต่างจากการเคยชินแบบเดิมๆมาตั้งแต่ยังเป็นผู้เล่นของ Mianz เขามักจะแสดงความคิดเห็น ให้มุมมองกับโค้ชเรื่องการวางแผนการเล่น จนบางครั้งทำให้ผู้จัดการทีมมีความหงุดหงิดใจ และด้วยการที่เขาเป็นคนกล้าคิด กล้านำเสนอความคิดเห็นใหม่ๆ ทำให้เขาเคยถูกถอดปลอกแขนกัปตันทีมของ Mainz ออกในช่วงก่อนจะถูกทาบทามมาเป็นผู้จัดการทีม

การมีมุมมองที่กว้างไกลของเขาในวงการฟุตบอลที่รู้จักกันมากคือ การที่เขาได้ยึดถือแนวทางการทำทีมฟุตบอลตามแนวทางของ Wolfgang Frank ผู้จัดการทีมของ Mainz และเป็นเหมือนพี่เลี้ยงและเป็น Idol ของ Klopp ในเรื่องการทำทีม เพราะกระแสหลักของการทำทีมฟุตบอลในช่วงเวลานั้น จะจัดตัวผู้เล่นโดยใช้สไตล์ให้มีลิเบอโร่เป็นตัวเคลื่อนเกมส์

แต่ Klopp กลับเชื่อในแนวทางของ Wolfgang คือ การทำทีมแบบที่เชื่อใน 4 แนวทาง คือ เล่นหลัง4 คน (Back 4) ไล่เพรสซิ่งตั้งแต่แดนบน (High pressing) การแบ่งคุมโซน (Zoning) และการจู่โจมอย่างรวดเร็วไปที่ลูกฟุตบอล (Fast attacking to ball) และที่สำคัญเขาทำได้ดีกว่าปรมาจารย์ต้นคิด ด้วยความต่างที่เขามีต่างจาก Frank คือ ความกล้าตัดสินใจ และความมุ่งมั่นที่เขาผลักดันและพัฒนาการเล่นแบบ“Gegenpressing” จนเป็นที่กล่าวขวัญถึง

รวมทั้งเป็นตัวตนของเขาทั้งการคุมทีมที่ Mainz, Dortmund และ Liverpool และความมีวิสัยทัศน์ของ Klopp ไม่จำกัดอยู่แค่การทำทีม แต่การมีมุมมองเรื่องการจัดการทีมที่เขาเอาเรื่องการใช้ Big Data มาประกอบก็เป็นความมีวิสัยทัศน์ที่ผมจะขอกล่าวต่อไป

ผู้นำผู้สร้างแรงบันดาลใจ (Inspiring Leader)

“เราจะต้องเปลี่ยนผู้ที่ยังกังขากับเราให้เป็นผู้ที่เชื่อมั่นในตัวเราให้ได้ตั้งแต่ตอนนี้” เป็นคำพูดของ Klopp ที่ได้กล่าวไว้ในช่วงแรกๆของการเช้ามาทำงาน และได้ที่ถูกกล่าวถึงกันอย่างเป็นวงกว้างในเวลาต่อมา เป็นคำพูดที่สั้นๆแต่เต็มไปด้วยพลัง ความมุ่งมั่น ที่กระตุ้นให้คที่ได้ยินเกิดความฮึกเหิมและมุ่งมั่น แรงบันดาลใจต่อผู้คนรอบข้าง

ว่ากันว่า เขาได้ถ่ายทอดคุณลักษณะที่โดดเด่นของคุณพ่อเขาคือ Nobert Klopp คือ เป็นคนที่คุยสนุกสร้างบรรยากาศ เรียกว่าเป็น “ศูนย์กลางของทุกสิ่ง (Center Of Everything) เป็นการสร้างความประทับใจตั้งแต่แรกที่ได้พบกัน

การสร้างแรงบันดาลใจต่อแฟนบอล Klopp ตระหนักและรู้ดีว่า พลังจากแฟนบอลมีผลต่อผู้เล่นอย่างมาก ภาพ Klopp เดินไปกระตุ้น ไปปลุกเร้าแฟนบอลที่หน้าอัฒจรรย์ ท่าชกลมพร้อมเสียงเฮๆจากแฟนบอลเป็นภาพที่เห็นชินตา สิ่งที่เป็นข้อพิสูจน์ว่า Klopp ได้สร้างแรงบันดาลใจให้แฟนบอลได้มากแค่ไหน

จะเห็นได้จากวันที่ Klopp อำลาจาก Mainz มีแฟนบอลประมาณ 15,000 คน มาร่วมร่ำไห้หลั่งนำตาพร้อมร้องเพลง “You Will Never Walk Alone” ส่ง Klopp และยิ่งมาที่ Dortmund วันที่เขาอำลา Dortmund แฟนบอล 75,000 คนร่วมร้องเพลงเดียวกันนี้พร้อมน้ำตาที่อาบแก้มส่งผู้จัดการทีมที่เขารัก เป็นเรื่องความบังเอิญที่ไม่น่าเชื่อว่า 3 ทีมที่ Klopp ตัดสินใจไปคุมทีม ต่างมีเพลงประจำทีมคือ You will never walk alone

การสร้างแรงบันดาลใจต่อผู้เล่น ผู้เล่นที่เคยอยู่กับ Klopp จะกล่าวถึงผู้จัดการทีมคนนี้ของเขาไปในทำนองเดียวกัน พวกเขาจะพูดถึง Klopp ว่า Klopp ไม่ได้แค่เปลี่ยนแปลงเขาในฐานะผู้เล่น แต่เปลี่ยนแปลงพวกเขาในฐานะของความเป็นมนุษย์ นอกจากนี้ พวกเขายังพูดถึง Klopp ว่า คำพูด การแสดงออก การดูแลพวกเขา ทำให้พวกเขาพร้อมออกไปต่อสู้ในสนามแบบเกินร้อย  .

ผู้นำผู้เป็นจิตวิญญาณของทีม (Team Spirit Leader)

การเป็นผู้นำที่เป็นจิตวิญญาณของทีม คือ ผู้นำที่เข้าไปอยู่ในใจ เข้าไปมีอิทธิพลในทางบวกให้กับคนรอบข้าง และพร้อมยอมรับความผิดพลาดที่เกิดขึ้นเอาไว้กับตัวอง เช่นตัว Klopp เอง เวลาที่ทีมประสบกับความพ่ายแพ้ Klopp ไม่เคยกล่าวโทษนักเตะ ไม่เคยตำหนิผู้เล่นว่าเป็นสาเหตุของความพ่ายแพ้ แต่จะโทษตัวเอง

ในทำนองเดียวกัน เวลาที่ทีมได้รับชัยชนะเขาเองก็ไม่เคยยกว่าป็นความสำเร็จของตนเอง แต่จะมีคำพูดติดปากว่า “That’s my boy” คือ เป็นฝีมือของเด็กๆผมเอง เป็นการบอกว่า ความสำเร็จเป็นเพราะผู้เล่นเหล่านี้ทั้งนั้น ผู้เล่นที่อยูกับ Klopp  ต่างมีมุมมองที่เหมือนกันคือ Klopp เป็นทุกสิ่งให้พวกเขา ไม่ใช่แค่เป็นผู้จัดการทีม แต่คือคนที่อยู่ในหัวใจพวกเขา

เลวานดอฟสกี้ที่Klopp เป็นผู้ปลุกปั้นเขาตอนอยู่ Dortmund ได้พูดถึง Klopp ว่า  ฐานะผู้เล่น จะรับรู้ได้เลยว่าเขาคอยอยู่ข้างหลัง เขาจะเหมือนเป็นพ่อที่คอยอยู่ใกล้ และพอคุณเชื่อใจเขาจะทำให้คุณเปิดใจยอมรับในเทคนิคและวิธีการของเขาอย่างเต็มหัวใจ

ผู้นำที่มีความเป็นนักสู้อยู่ในสายเลือด (Fighting Leader)

ภาพภายนอกของ Klopp จะฉายความชัดเจนเรื่องการเป็นนักสู้มากทั้งการให้สัมภาษณ์ และการแสดงออกเมื่อเจอสถานการณ์ที่ต้องลุกขึ้นสู้ หนึ่งในวรรคทองของคำกล่าว Klopp ที่ผมชอบมากคือที่เขากล่าวว่า “…ก็เหมือนกับเรื่องอื่นๆในชีวิตคนเรา เราสามารถรอให้เกิดแรงกระเพื่อมหรือเราจะสร้างมันขึ้นมาได้เอง…”

Klopp ได้ฝังวิญญานความเป็นนักสู้ใหกับลูกทีมทุกทีมที่เขาไปคุมทีม ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดช่วงที่มาคุมทีมลิเวอร์พูลในช่วงแรกๆ ลูกทีมของเขาสามารถไล่กลับมาจากการถูกนำได้แม้ในเวลาช่วงท้ายๆเป็นจำนวนถึง 11 เกม ซึ่งบ่งบอกถึงความสู้ไม่ถอยของทีม

และที่เป็นที่น่าประทับใจมากที่สุดน่าจะเป็นการแข่งขันยูฟ่าแชมเปี้ยนลีคส์ คือ เกมส์ที่เอาชนะบาร์เซโลน่าได้ 4 -0 ทั้งที่ได้ไปแพ้บาร์เซโลน่าจากสเปนมาถึง 3-0 และเป็นชัยชนะที่ส่งให้ลิเวอร์พูลได้ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศได้ในที่สุด

มีผู้จัดการทีมคนหนึ่งในบุนเดสลีกาได้สรุปคุณลักษณะของทีมที่ Klopp ว่า ทีมของ Klopp จะ น่าเกรงขาม (Terrible) มีความกระหาย (Enthusiastic) มีความุ่งมั่น (Ambitious) มีความแข็งแกร่งทางจิตใจ (Mentality) และเป็นเครื่องจักรที่ดุดัน (Strong Machine)

ผู้นำที่ใช้ข้อมูลนำทางการตัดสินใจ (Data Driven Leader)

การต่อสู้ในโลกปัจจุบันทั้งทางธุรกิจหรือการกีฬา การใช้ข้อมูลเพื่อประกอบการตัดสินใจคือปัจจัยสำคัญที่จะนำมาซึ่งชัยชนะ Klopp เองได้มีแนวคิดและความเช่อเรื่องการใช้ข้อมูมาวิเคราะห์ตั้งแต่ช่วงที่ยังมีการเก็บข้อมูล ถ่ายภาพเป็นวิดีโอในช่วงแรกๆ การได้ Iam Graham เข้ามาเป็นมือในการวิเคราะห์ เป็นผู้อำนวยการด้านการวิจัยของทีม (Director of Research) ช่วยเขาได้อย่างมาก

ตั้งแต่การวิเคราะห์ผู้เล่น วิเคราะห์แผนการเล่นทั้งของตนเองและคู่ต่อสู้ ว่ากันว่า หากการทำ Big Data Analytic ของ Klopp คือหนึ่งในปัจจัยที่สำคัญของความสำเร็จที่เกิดขึ้น

สิ่งที่เป็นเครื่องพิสูจน์อย่างมากข้อหนึ่งของการใช้ Big Data แล้วทำให้ทีมแข็งแกร่งขึ้น คือ การใช้ Big Data วิเคราะห์การซื้อตัวผู้เล่นเข้ามาในทีม หลายต่อหลายครั้งที่เกิดความกังขาว่า ทำไมถึงซื้อผู้เล่นคนนี้มา ทำไมถึงยอมจ่ายค่าตัวแพงๆเพื่อดึงผู้เล่นคนนี้มา

แต่ก็เวลาก็ได้พิสูจน์ว่า ผู้เล่นที่ซื้อเข้ามาจากการทำการวิเคราะห์ด้วย Big Data สส่วนใหญ่ได้กลายเป็นกำลังสำคัญของทีม และมีส่วนพลิกแมให้กับทีมได้อย่างมาก เช่น ฟานไดก์ หรือ มาเน่ เป็นต้น     

ผู้นำที่ใช้ทรัพยากรจำกัดแต่ได้ผลลัพธ์มหาศาล (Optimization Leader)           

Klopp ขึ้นชื่อมากเรื่องการใช้ทรัพยากรอย่างจำกัด แต่ได้ผลตอบแทนกลับมาอย่างคุ้มค่าในทุกทีมที่เขาเข้าไปคุมทีม ตั้งแต่ Mainz ที่มีความอัตคัดขัดสนในเรื่องงบประมาณ เรื่องความพร้อมหลายๆด้าน แต่เขาสามารถพาทีมเลื่อนจากดิวิชั่นสอง มาสู่บุนเดสลีกาได้ พอมาอยู่ที่ Dortmund และ Liverpool เขาก็ไม่ใช้เงินมากมายในการซื้อตัวนักเตะ

แต่กลับใช้การซื้อตัวผู้เล่นที่เหมาะกับแผนการทำทีม ไม่ใช่เป็นพวกดาวเด่น หรืออีกนัยหนึ่ง อาจจะกล่าวได้ว่า ในแง่ของการสร้างทีม เขาเชื่อเรื่องการ Build คือ สร้างขึ้นมา มากกว่าการ Buy คือ ทุ่มเงินแพงๆเพื่อซื้อตตัวดังๆเข้ามา 

มีข้อมูลที่ชี้ให้เห็นว่า ในรอบ10 ปีที่ผ่านมาเมื่อดูจากลำดับ 5 ทีมแรกว่าทีมไหนมีค่าเฉลี่ยส่วนต่างด้านรายจ่าย-รายรับจากการซื้อ-ขายนักเตะต่อการได้แชมป์ 1 รายการดีที่สุด ปรากฎว่า Liverpool อยู่ในลำดับที่สองคือ – 67.6 ล้านยูโร จาก 5 ลำดับ คือ Chelsea – 62.3, Liverpool -67.6,  Manchester City – 102.21 , Arsenal – 117.87 และ Manchester United - 236 หน่วยเป็นล้านยูโร

ซึ่งกรณีของ Liverpool เป็นการดำเนินการในช่วงที่ Klopp ได้เข้ามาเป็นผู้จัดการทีม ถือเป็นข้อมูลที่สะท้อนความเป็นผู้นำที่ใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่าอย่างชัดเจน

หากจะให้ใครสรุปทิ้งท้ายว่า ความเป็นผู้นำของ Klopp เป็นอย่างไร คงจะไม่มีใครสรุปความเป็นตัว Klopp ได้ดีกว่า Mike Gordon ประธานของ FSG (Fenway Sport Group) เจ้าของทีม Liverpool ที่ได้เจอกับ Klopp ครั้งแรกที่ Manhattan สหรัฐอเมริกา Gordon ได้พูดถึงความประทับใจต่อ Klopp ว่า

“…เขาไม่ได้โดดเด่นเพียงทางด้านบุคคลิกภาพ แต่ยังโดดเด่นในเรื่องเชาวน์ปัญญา ทักษะในการคิดเชิงวิเคราะห์ การมีตรรกะ ความแจ่มชัดในความคิด ความซื่อสัตย์จริงใจ และความสามารถในการสื่อสารได้อย่างมีประสิทธิภาพแม้ว่าภาษาอังกฤษไม่ได้เป็นภาษาที่เขาถนัดก็ตาม…”       

อ้างอิงข้อมูล:

- Klopp Bring The Noise by Raphael Honigstein

- Change from Doubters to Believers by David Segar

- FacebooK: siamsport