posttoday

แค่เปิดใจ โลกก็เปลี่ยน

11 ธันวาคม 2563

คอลัมน์ Great Talk

สวัสดีค่ะ คือดิฉันมีลูกชายค่ะ ประเด็นคือว่า ลูกคนนี้มีเพื่อนค่ะ แต่เพื่อนดูเกเรมาก อีกทั้งยังดูเรียนไม่ค่อยเก่ง คือ ดิฉันไม่อยากให้ลูกไปคบหากับเพื่อนคนนี้ กลัวว่าจะพาลูกดิฉันเสียคน ดิฉันต้องพูดกับลูกอย่างไรคะ เคยห้ามแล้วเคยขู่ว่าจะตีด้วยถ้าไปคบอีก คุณเกรทแนะนำหน่อยค่ะ

สวัสดีครับ ความเห็นของผมในเรื่องนี้คือ ไม่มีอะไรดีที่สุดและเลวที่สุดถ้าเรายังไม่เปิดรับอย่างเต็มที่“ไม่มีเด็กชั่ว มีแต่ผู้ใหญ่ที่สอนเด็กไม่ได้”“ไม่มีผู้ใหญ่หัวดื้อ มีแต่เด็กที่เอาความคิดตนเองเป็นใหญ่”“ไม่มีใครอยากเป็นคนเลว เพียงแค่เขาไม่มีคนรอบตัวที่ดีพอที่จะฉุดเขาให้ดีขึ้น”ฝากลองอ่านนิทานเรื่องนี้นะครับ

นิทานเรื่อง หมาอันธพาล

มีหมาน้อยตัวนึงชื่อ เจ้าจ่อย เจ้าจ่อยเป็นหมาน้อยสีน้ำตาล เจ้าจ่อยเป็นหมาพันธุ์ดี เป็นหมาฝรั่งผสมหมาไทย แม้ว่าจะมีเชื้อไทยอยู่บ้าง แต่เจ้าจ่อยหน้าตาก็ดูเป็นหมาพันธุ์ผสมที่น่ารักเข้าที

เจ้านายของมัน ชื่อ คุณ สดใส คุณสดใส เป็นคนนิสัยดี ร่ำรวย รักและดูแลเจ้าจ่อยมาตั้งแต่เจ้าจ่อยยังเล็ก คุณสดใส ซื้อเจ้าจ่อยมาจากตลาดสัตว์เลี้ยงแห่งหนึ่ง เดิมทีคิดว่าเป็นหมาฝรั่ง เพราะหน้าตาตอนเด็กของเจ้าจ่อยดูเป็นหมาอินเตอร์ แต่พอโตมาเริ่มแสดงความเป็นพันธุ์ผสมออกมา

แม้หน้าตาไม่เหมือนในรูปตอนที่ตกลงซื้อมา แต่คุณสดใสก็ให้ความรักและเอาใจใส่เจ้าจ่อยเต็มที่

เจ้าจ่อย รักเจ้านายมันมาก แค่เจ้านายมองหน้า เจ้าจ่อยก็กระดิกหางไม่หยุด

เพื่อนเจ้าจ่อย ชอบล้อว่า กระดิกหางจนตูดบิดไปหมดแล้ว

เวลานายออกไปข้างนอก เจ้าจ่อย จะยืนรอหน้าประตู เฝ้ารอเจ้านายของมัน

ทุกอาทิตย์ คุณสดใส จะพาเจ้าจ่อยไปวิ่งเล่นที่สนามหญ้าแถวบ้านเป็นสนามหญ้าที่ไม่ค่อยมีหญ้าแต่มีทรายให้เจ้าจ่อยคอยขุดเล่น เมื่อเวลากลับบ้านทุกครั้ง เจ้านายต้องบ่นเจ้าจ่อยที่ชอบไปซุกซนจนตัวเปื้อนเต็มไปหมด

เจ้าจ่อยมีความสุขที่สุดเวลาได้อยู่กับคุณสดใส เจ้าจ่อยรักคุณสดใส

“ชีวิตทั้งชีวิต ของจ่อย คือ คุณสดใสเพียงคนเดียว”

วันนึง คุณสดใส เรียกเจ้าจ่อยขึ้นบนรถ เจ้าจ่อยดีใจมากได้ขึ้นรถยนต์ รถแล่นไปยังที่ที่ไม่รู้จัก หัวที่ยื่นไปนอกรถสร้างความรู้สึกเย็นที่หน้าอย่างบอกไม่ถูก

เมื่อลงจากรถ คุณสดใสพาเจ้าจ่อยไปสนามหญ้าแห่งใหม่ที่เจ้าจ่อยไม่เคยมา ที่โล่งกว้าง สนามหญ้าเขียวขจี มีแอ่งน้ำมีทรายที่เจ้าจ่อยชอบ คุณสดใส มองหน้าเจ้าจ่อย แล้วบอกว่า “ไปวิ่งเล่นได้เลย จ่อย"เสียงในวันนั้นไม่สดใสเหมือนเคย ในยามปกติ คุณสดใสจะมีน้ำเสียงรื่นเริงกว่านี้จ่อยไม่คิดอะไรมาก รีบวิ่งเตลิด ไปที่กองทรายกองใหม่เวลาล่วงเลยไปเกือบชั่วโมง เจ้าจ่อยคิดในใจว่า เจ้านายคงจะรอเรานานแล้วรีบกลับไปหาดีกว่าเมื่อกลับมาที่เดิม ไม่เห็นคุณสดใส รถยนต์แอร์เย็นๆ คันนั้นก็หายไป คุณสดใสไปไหน จ่อยหาไม่เจอ

“เฮ้ยไอ้หมาตัวนี้นี่ สกปรกจริงๆ เอามันไปไกลๆ” “ไป ไป มึงนี่นะ เด่วกูจะตีให้หัวกบาลแยกเลย”ผู้ชายคนนึง ตัวสูงใหญ่กำลังยกไม้หน้าสามโบกไปมาอยู่ด้านหน้าของหมาตัวหนึ่ง

“โฮ่งๆ แฮ่” หมาตัวผอมโซ สกปรกมอมแมม กำลังแยกเขี้ยว ขู่ใส่

“มึงนี่นะ ไม่เจียมตัวไอ้หมาข้างถนน” เสียงตะโกนยังไม่สิ้น ชายคนนั้น หยิบหินปาใส่หมา “555 สมน้ำหน้ามึง ไป๊ ไอ้หมาจรจัด”

หมาสกปรกผอมโซจำใจต้องวิ่งหนีในใจคิดว่าเราผิดอะไรที่เราดูสกปรกความเจ็บปวดที่โดนหิน หนำซ้ำยังมีรอยบาดแผลมากมายทั้งรอยโดนไม้ตี โดนไฟแช๊คจุดเผาขน ร่องรอยต่างๆทำให้มันดูสกปรกมอมแมมอีกทั้งยังส่งกลิ่นเหม็นไปทั่ว

มันคิดถึงหน้าผู้ชายคนนั้น แต่ไม่ใช่คนที่พึ่งทำร้ายมันแต่เป็น “คุณสดใส”

“เวลาผ่านไปเนิ่นนานแล้วคุณสดใสจะเป็นอย่างไรนะ” เจ้าจ่อยรำพันกับตัวเองคิดได้ชั่วแวบเดียว เสียงท้องเริ่มร้อง “เราจะหาอะไรที่ไหนกินดี”ขอเพียงมีชีวิตรอด เราต้องทำอย่างไร

บางครั้งเราอาจะเห็น นิสัยของผู้คนที่อยู่ตรงหน้าว่าแย่ ว่าดูไม่ดี ไม่เป็นที่พอใจแต่เรื่องราวมากมายของแต่ละสิ่งมีชีวิตล้วนมีเรื่องราวความเป็นไปที่ทำให้พวกเขาเป็นแบบนั้น

ผู้ชายสูงใหญ่ที่เอาไม้ตีหมา อาจมีปัญหากับที่บ้านหรือคนรอบตัวจนทำให้เขากลายเป็นคนเจ้าอารมณ์

เจ้าจ่อยจากหมาน่ารักซื่อสัตย์ใจดี กลายเป็นหมาสกปรกมอมแม น่ากลัว ไม่มีใครรัก

เปิดใจให้กว้างเพื่อมองรายละเอียดให้ลึกขึ้น ชีวิตจะเห็นหลายด้านครับ