posttoday

18 เดือนอันตราย ที่จะต้องอยู่กับไวรัสโควิด

14 เมษายน 2563

คอลัมน์ Great Talk

วิธีที่จะทำให้ไวรัสโควิดหมดไปจากประเทศมี 4 ข้อ

  1. สร้างภูมิต้านทาน ไวรัสโควิด มีการติดง่ายและหายได้ไม่ยาก (หากอยู่ในสภาวะที่ไม่รุนแรงและไม่มีโรคแทรกซ้อน) ฉะนั้น คนกว่า 80% สามารถติดเชื้อไวรัสนี้แล้วเพียงแต่ร่างกายไม่ออกอาการ ส่วนผู้ที่ออกอาการแล้วคือภูมิในช่วงนั้นอาจจะต่ำ ส่วนผุ้เสียชีวิตส่วนใหญ่ มีสามประเภท คือ ผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อน ผู้สูงอายุ และอุปกรณ์ช่วยหายใจมีไม่เพียงพอต่อผู้ป่วย
  2. มีการคิดค้นวัคซีน ที่ประกอบด้วย เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกฆ่าหรือทำให้มีฤทธิ์อ่อนแรงลงจนไม่สามารถก่อโรคได้โดยนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกายประชาชนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคเองได้ด้วยตัวเอง(ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถคิดค้นได้) การคิดค้นวัคซีนในช่วงเริ่มต้นต้องมีการฉีดเพื่อทดลองที่หนูจนแน่ใจใจว่าไม่เกิดผลกระทบกับมนุษย์จึงจะสามารถนำมาใช้เพื่อการรักษาได้
  3. สามารถสร้างยารักษาได้สำเร็จ ปัจจุบัน ถึงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำการร่วมมือกับนักชีววิทยาคิดค้นขึ้นมาได้ แต่ยังไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้และยารักษาในปัจจุบันยังมีผลข้างเคียงอยู่มาก
  4. กักกันพื้นที่การกระจายตัวของเชื้อไวรัสไปเรื่อยๆดั่งที่ทำกันอยู่จนกว่าจะไม่สามารถสืบพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มและมีการรักษาผู้ติดเชื้อได้ทั้งหมด 100%เมื่อรักษาผู้ติดเชื้อได้แล้ว ยังต้องอยู่ในสภาวะปิดประเทศอยู่แล้วต้องมีการกักกัน ผู้เดินทางข้ามประเทศทุกๆ 14 วัน ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่า ทั่วโลกจะไม่มีผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่ม

ดังนั้น จากเหตุผลทั้งสี่ข้อ ระยะเวลาที่เราต้องเผชิญไวรัสโควิด19 นี้น่าจะอยู่อย่างน้อย 18 เดือน (ระยะเวลาคิดค้นวัคซีน ประมาณ 1 ปี ระยะเวลาที่จะกระจายวัคซีนไปทั่วโลกอย่างน้อย 6 เดือน ) ส่วนเรื่องยารักษาอาจยังเป็นไปได้ยาก

สิ่งที่น่ากลัวนับจากนี้ คือ เศรษฐกิจของประเทศจะย่อยยับขนาดไหนกัน

ประเทศไทยจะมีคนยากจนเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ มิจฉาชีพจะออกมามากมายอีกเพียงใด

ผู้คนจะคุ้มคลั่งจากความยากจน รวมถึงความเครียดที่ตนเองและครอบครัวประสบเจอได้อย่างไร

ผู้คนจะตกอยู่ในสภาวะโรคซึมเศร้ามากขึ้นอีก

สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เราต้องคอยติดตามหลังจากนี้ 18 เดือน

โดยความเห็นของผมรัฐบาลต้องมอง “หมากเกมนี้” ให้นำหน้าสองสเต็ป คือ

แก้ปัญหาโควิด นี่คือสเต็ปที่หนึ่ง

หลังจากโควิดในประเทศควบคุมได้แล้ว จะทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนในประเทศมีชีวิตอยู่ได้ นี่คือ สเต็ปที่สอง

ผมว่าควรต้องเริ่มทำ การทดลองใช้ชีวิตปกติแบบเฝ้าระวัง เช่น เปิดพื้นที่ให้มีการทำมาค้าขายปกติ โดยมีการควบคุม สี่อย่างคือ

  1. รักษาระยะห่าง เช่น พื้นที่ ร้านอาหารหรือพื้นที่จำเป็น ให้มีระยะห่างนั่งหรือยืนระหว่างกันปกป้องตนเอง
  2. ใส่หน้ากากป้องกัน ทุกคนใครไม่ใส่ไม่ให้ใช้บริการ พกแอลกอฮอลล้างมือ(รัฐบาลควรแจกจ่ายแอลกอฮอลน้ำให้ประชาชนอย่างน้อย 1 ลิตร ทุกบ้านโดยให้ ปตท เป็นผู้ผลิตให้ซึ่งทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกที่สุดในประเทศเพราะตนเองเป็นบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่อยู่แล้ว)
  3. พื้นที่ ดังกล่าว มีการตรวจวัดไข้และอาจมีการกั้นกระจก การติดเครื่องกรองอากาศและมีแอลกอฮอลให้ใช้ตลอดทั้งพื้นที่
  4. ทำให้การตรวจเป็นเรื่องง่าย รัฐบาลควรอัดงบประมาณในการวิจัยสารตรวจสอบเชื้อไวรัสโควิท เพื่อให้ต้นทุนต่ำลงเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจได้ง่ายขึ้น

การที่เริ่มทำพื้นที่ทดลองดังกล่าวนี้ นอกจากจะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับคืนมาบ้างตามพื้นที่แล้วยังเป็นการทดลองสร้างจิตสำนึกให้กับผู้คนตระหนักในความรับผิดชอบต่อตนเองและคนรอบตัวได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญไม่ทำให้ประชาชนอยู่ในสภาวะตึงเครียดที่ไปไหนไม่ได้ซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะโรคทางจิตเวชตามมา

ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวกับสภาวะความยากจนหลังไวรัสโควิดพร้อมคิดแผนรับมือหลังจากนี้และนับจากนี้ เราคงต้องยอมรับเจ้าไวรัสน้อย โควิท19นั้นจะล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศของเราไปอีกสักพักและอาจจะอยู่กับโลกนี้ตลอดไป