18 เดือนอันตราย ที่จะต้องอยู่กับไวรัสโควิด
คอลัมน์ Great Talk
วิธีที่จะทำให้ไวรัสโควิดหมดไปจากประเทศมี 4 ข้อ
- สร้างภูมิต้านทาน ไวรัสโควิด มีการติดง่ายและหายได้ไม่ยาก (หากอยู่ในสภาวะที่ไม่รุนแรงและไม่มีโรคแทรกซ้อน) ฉะนั้น คนกว่า 80% สามารถติดเชื้อไวรัสนี้แล้วเพียงแต่ร่างกายไม่ออกอาการ ส่วนผู้ที่ออกอาการแล้วคือภูมิในช่วงนั้นอาจจะต่ำ ส่วนผุ้เสียชีวิตส่วนใหญ่ มีสามประเภท คือ ผู้ป่วยมีโรคแทรกซ้อน ผู้สูงอายุ และอุปกรณ์ช่วยหายใจมีไม่เพียงพอต่อผู้ป่วย
- มีการคิดค้นวัคซีน ที่ประกอบด้วย เชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียที่ถูกฆ่าหรือทำให้มีฤทธิ์อ่อนแรงลงจนไม่สามารถก่อโรคได้โดยนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกายประชาชนเพื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคเองได้ด้วยตัวเอง(ซึ่งปัจจุบันยังไม่สามารถคิดค้นได้) การคิดค้นวัคซีนในช่วงเริ่มต้นต้องมีการฉีดเพื่อทดลองที่หนูจนแน่ใจใจว่าไม่เกิดผลกระทบกับมนุษย์จึงจะสามารถนำมาใช้เพื่อการรักษาได้
- สามารถสร้างยารักษาได้สำเร็จ ปัจจุบัน ถึงแม้ว่านักวิทยาศาสตร์ได้ทำการร่วมมือกับนักชีววิทยาคิดค้นขึ้นมาได้ แต่ยังไม่สามารถรักษาโรคนี้ได้และยารักษาในปัจจุบันยังมีผลข้างเคียงอยู่มาก
- กักกันพื้นที่การกระจายตัวของเชื้อไวรัสไปเรื่อยๆดั่งที่ทำกันอยู่จนกว่าจะไม่สามารถสืบพบผู้ติดเชื้อในประเทศเพิ่มและมีการรักษาผู้ติดเชื้อได้ทั้งหมด 100%เมื่อรักษาผู้ติดเชื้อได้แล้ว ยังต้องอยู่ในสภาวะปิดประเทศอยู่แล้วต้องมีการกักกัน ผู้เดินทางข้ามประเทศทุกๆ 14 วัน ทำอย่างนี้ไปเรื่อยๆ จนกว่า ทั่วโลกจะไม่มีผู้ติดเชื้อสะสมเพิ่ม
ดังนั้น จากเหตุผลทั้งสี่ข้อ ระยะเวลาที่เราต้องเผชิญไวรัสโควิด19 นี้น่าจะอยู่อย่างน้อย 18 เดือน (ระยะเวลาคิดค้นวัคซีน ประมาณ 1 ปี ระยะเวลาที่จะกระจายวัคซีนไปทั่วโลกอย่างน้อย 6 เดือน ) ส่วนเรื่องยารักษาอาจยังเป็นไปได้ยาก
สิ่งที่น่ากลัวนับจากนี้ คือ เศรษฐกิจของประเทศจะย่อยยับขนาดไหนกัน
ประเทศไทยจะมีคนยากจนเพิ่มขึ้นอีกเท่าไหร่ มิจฉาชีพจะออกมามากมายอีกเพียงใด
ผู้คนจะคุ้มคลั่งจากความยากจน รวมถึงความเครียดที่ตนเองและครอบครัวประสบเจอได้อย่างไร
ผู้คนจะตกอยู่ในสภาวะโรคซึมเศร้ามากขึ้นอีก
สิ่งเหล่านี้ต่างหากที่เราต้องคอยติดตามหลังจากนี้ 18 เดือน
โดยความเห็นของผมรัฐบาลต้องมอง “หมากเกมนี้” ให้นำหน้าสองสเต็ป คือ
แก้ปัญหาโควิด นี่คือสเต็ปที่หนึ่ง
หลังจากโควิดในประเทศควบคุมได้แล้ว จะทำอย่างไรเพื่อให้ประชาชนในประเทศมีชีวิตอยู่ได้ นี่คือ สเต็ปที่สอง
ผมว่าควรต้องเริ่มทำ การทดลองใช้ชีวิตปกติแบบเฝ้าระวัง เช่น เปิดพื้นที่ให้มีการทำมาค้าขายปกติ โดยมีการควบคุม สี่อย่างคือ
- รักษาระยะห่าง เช่น พื้นที่ ร้านอาหารหรือพื้นที่จำเป็น ให้มีระยะห่างนั่งหรือยืนระหว่างกันปกป้องตนเอง
- ใส่หน้ากากป้องกัน ทุกคนใครไม่ใส่ไม่ให้ใช้บริการ พกแอลกอฮอลล้างมือ(รัฐบาลควรแจกจ่ายแอลกอฮอลน้ำให้ประชาชนอย่างน้อย 1 ลิตร ทุกบ้านโดยให้ ปตท เป็นผู้ผลิตให้ซึ่งทำให้ได้ต้นทุนที่ถูกที่สุดในประเทศเพราะตนเองเป็นบริษัทค้าน้ำมันรายใหญ่อยู่แล้ว)
- พื้นที่ ดังกล่าว มีการตรวจวัดไข้และอาจมีการกั้นกระจก การติดเครื่องกรองอากาศและมีแอลกอฮอลให้ใช้ตลอดทั้งพื้นที่
- ทำให้การตรวจเป็นเรื่องง่าย รัฐบาลควรอัดงบประมาณในการวิจัยสารตรวจสอบเชื้อไวรัสโควิท เพื่อให้ต้นทุนต่ำลงเพื่อให้ประชาชนสามารถเข้าไปตรวจได้ง่ายขึ้น
การที่เริ่มทำพื้นที่ทดลองดังกล่าวนี้ นอกจากจะสามารถทำให้เศรษฐกิจกลับคืนมาบ้างตามพื้นที่แล้วยังเป็นการทดลองสร้างจิตสำนึกให้กับผู้คนตระหนักในความรับผิดชอบต่อตนเองและคนรอบตัวได้เพิ่มขึ้นอีกด้วย ที่สำคัญไม่ทำให้ประชาชนอยู่ในสภาวะตึงเครียดที่ไปไหนไม่ได้ซึ่งจะทำให้เกิดสภาวะโรคทางจิตเวชตามมา
ดังนั้นเราต้องเตรียมตัวกับสภาวะความยากจนหลังไวรัสโควิดพร้อมคิดแผนรับมือหลังจากนี้และนับจากนี้ เราคงต้องยอมรับเจ้าไวรัสน้อย โควิท19นั้นจะล่องลอยอยู่ในชั้นบรรยากาศของเราไปอีกสักพักและอาจจะอยู่กับโลกนี้ตลอดไป