posttoday

ขสมก.ผุดเกณฑ์ประมูลเมล์ใหม่ทดลองก่อนซื้อ

02 มิถุนายน 2561

ขสมก.เตรียมปรับทีโออาร์จัดหารถเมล์ใหม่ เน้นเชื้อเพลิงสะอาด ตั้งเงื่อนไขทดลองวิ่งก่อนจัดซื้อ ป้องกันความผิดพลาด

ขสมก.เตรียมปรับทีโออาร์จัดหารถเมล์ใหม่ เน้นเชื้อเพลิงสะอาด ตั้งเงื่อนไขทดลองวิ่งก่อนจัดซื้อ ป้องกันความผิดพลาด

นายณัฐชาติ จารุจินดา ประธานกรรมการบริหารกิจการองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (บอร์ด ขสมก.) เปิดเผยว่า ขสมก.ตั้งเป้าหมายภายใน 5 ปีนี้ จะต้องมีรถเมล์ใหม่ทั้งหมด 3,000 คัน เข้ามาทดแทนรถเมล์เดิมที่อายุการใช้งานเกือบ 30 ปีแล้ว โดยจะเน้นไปที่รถเมล์พลังงานสะอาดและพลังงานทางเลือก รูปแบบใหม่ โดยเฉพาะรถเมล์ไฮบริด เพราะสามารถลดต้นทุนเชื้อเพลิงและ ลดมลพิษได้จำนวนมาก

นอกจากนี้ จะกำหนดเงื่อนไขในร่างเอกสารประกวดราคา (ทีโออาร์) ว่าบริษัทที่ต้องการเข้าประมูลโครงการจัดซื้อรถเมล์ไฮบริดจะต้องนำสินค้ามาให้ ขสมก.ลองเช่าวิ่งในเส้นทางปกติราว 3-4 เดือน เพื่อเปรียบเทียบความคุ้มค่าของรถเมล์แต่ละบริษัท ก่อนตัดสินใจซื้อต่อไปเพื่อความ คุ้มค่าและป้องกันข้อผิดพลาดในงานจัดซื้อแบบที่ผ่านมา เนื่องจากรายละเอียดข้อเปรียบเทียบมีเยอะ คงกำหนดในสเปกกันไม่ครอบคลุมทั้งหมด

ทั้งนี้ จะใช้เงินทุนจากการกู้สถาบันการเงิน ยืนยันว่าสามารถทำได้แม้จะมีหนี้สินสะสมจำนวนมาก เพราะ ขสมก.เป็นรัฐวิสาหกิจมีรัฐบาลพร้อมเป็นผู้ค้ำประกัน ขณะที่หนี้สินสะสมนั้นจะขอดูแลเพียงหนี้ที่เกิดจากงานบริหาร 1.6 หมื่นล้านบาท คาดจะชำระได้หมดภายใน 10-15 ปีนับจากนี้เมื่อมีรายได้เพิ่ม

สำหรับเป้าหมายระยะสั้นเบื้องต้นนั้น ขสมก.ต้องมีรถวิ่งครบ 3,000 คันภายในปี 2562 เพื่อรองรับการปฏิรูปเส้นทางรถโดยสาร จากปัจจุบันมีรถวิ่งอยู่ 2,674 คัน ควบคู่ไปกับการลงทุนด้านเทคโนโลยีในระบบขนส่งสาธารณะเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับผู้โดยสารทั้งแอพพลิเคชั่นรถเมล์ ป้ายอัจฉริยะ ระบบติดตามจีพีเอส ไปจนถึงช่องทางการชำระเงินที่หลากหลายตอบสนองไลฟ์สไตล์คนเมืองหลวง ทั้ง ตั๋วร่วม การจ่ายผ่านบัตรค่าโดยสารประจำทางสาธารณะ (e-Ticket) ตลอดจนชำระผ่านคิวอาร์โค้ดบนมือถือ เป็นต้น

ขณะที่โครงการจัดเช่ารถเมล์ไฟฟ้า (อีวี) จำนวนไม่เกิน 35 คันนั้น ยังเดินไปต่อตามแผน ขณะนี้อยู่ระหว่างร่างทีโออาร์และเจรจากับบริษัทเอกชนต่อไป โดยการเช่ามาทดลองนั้นคล้ายกับรถเมล์ไฮบริด ซึ่ง ขสมก.ต้องการทดสอบปัญหาและความคุ้มค่าของประเทศก่อนตัดสินใจซื้อ