ไทยจับตาศึกถล่มซีเรียกระทบเศรษฐกิจ ราคาน้ำมันส่อพุ่ง!

สรท.จับตาปฏิบัติการโจมตีซีเรียใกล้ชิด หวั่นกระทบทองคำ น้ำมัน ค่าเงินผันผวนหนัก

นายวิศิษฐ์ ลิ้มลือชา รองประธานสภาผู้ส่งสินค้าทางเรือแห่งประเทศไทย (สรท.) เปิดเผยว่า สรท.จะติดตามสถานการณ์ปฏิบัติการโจมตีซีเรียของสหรัฐ อังกฤษ และฝรั่งเศส อย่างใกล้ชิดว่าจะลุกลามบานปลายหรือไม่ เพราะหากรัสเซียร่วมวงโจมตีปฏิบัติการของสหรัฐปัญหาอาจจะกระทบเป็นวงกว้าง ทั้งในแง่ตลาดเงิน ตลาดทุน รวมทั้งราคาทองคำและน้ำมันดิบที่จะมีราคาสูงขึ้น ตลอดจนผลกระทบของค่าเงินในประเทศที่มีปฏิบัติการโจมตี เช่น ค่าเงินดอลลาร์สหรัฐจะยิ่งมีความผันผวนมากขึ้น

ทั้งนี้ การส่งออกสินค้าไปตลาดตะวันออกกลาง ซึ่งเป็นตลาดศักยภาพที่เริ่มฟื้นตัวเมื่อช่วงปลายปีที่ผ่านมาอาจจะยากขึ้น แต่ในแง่บวกการส่งออกสินค้ากลุ่มอาหารสำเร็จรูปจะมีความต้องการเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากจะมีสำรองอาหารจำนวนมากกรณีการโจมตีกินระยะเวลานาน โดยขณะนี้ สรท.ยังยืนยันเป้าส่งออกไทยปี 2561 ขยายตัวระดับ 6%

นายสุพันธุ์ มงคลสุธี ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) กล่าวว่า ผลกระทบต่อเศรษฐกิจอาจเกิดในระยะสั้น อาทิ ความผันผวนราคาน้ำมัน ราคาทองคำ และการเคลื่อนไหวค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ เป็นต้น แต่ต้องจับตาต่อไปว่าสถานการณ์จะเป็นอย่างไร

น.ส.กุลยา ตันติเตมิท ผู้ตรวจราชการและโฆษกกระทรวงการคลัง กล่าวว่า การโจมตีจะทำให้เศรษฐกิจโลกผันผวนและส่งผลต่อไทยในที่สุด แต่ยังเร็วเกินไปที่จะประเมินว่าจะกระทบกับเศรษฐกิจไทยมากน้อยขนาดไหน

ด้าน นายสุวิชญ โรจนวานิช ผู้อำนวยการสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) ระบุว่า เป็นห่วงสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนที่เริ่มมีสัญญาณรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งกระทบกับเศรษฐกิจโลก แม้จะมีผลกระทบกับเศรษฐกิจไทยน้อย แต่ต้องเตรียมตัวว่าอุตสาหกรรมใดที่ต้องเยียวยา

นายปณิธาน วัฒนายากร ที่ปรึกษา พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม กล่าวว่า พล.อ.ประวิตรได้ตั้งเจ้าหน้าที่ชุดติดตามสถานการณ์และความเคลื่อนไหวกรณีการโจมตีซีเรีย เพื่อวิเคราะห์และประเมินแนวโน้มความรุนแรงเป็นระยะ

สำหรับสถานการณ์ในซีเรียทวีความรุนแรงขึ้นหลังสหรัฐ ฝรั่งเศส และอังกฤษ ระดมยิงขีปนาวุธกว่า 100 ลูก ใส่อาคารหน่วยงานรัฐบาลทั่วกรุงดามัสกัสและบริเวณใกล้เมืองฮอมส์ทางตะวันตกของประเทศ โดยมุ่งเป้าไปที่คลังเก็บอาวุธเคมี เพื่อตอบโต้รัฐบาลประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย ที่มีรัสเซียหนุนหลังการใช้อาวุธเคมีสังหารกลุ่มกบฏและประชาชนในเมืองโดลมาเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา

ก่อนหน้านี้ นายอานิช คาปาเดีย ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการบริษัทพลังงาน อะแกป อีเนอร์จี เปิดเผยกับซีเอ็นบีซีว่า หากความขัดแย้งในตะวันออกกลางลุกลามยิ่งขึ้น ราคาน้ำมันมีแนวโน้มพุ่งขึ้นแตะ 100 ดอลลาร์สหรัฐ/บาร์เรล ภายในปี 2561 จากระดับปัจจุบันที่ราว 60-70 ดอลลาร์/บาร์เรล

ภาพ เอเอฟพี