posttoday

คมนาคมปัดให้สัมปทานรถร่วมฯ 7 ปี

15 สิงหาคม 2560

คมนาคมปัดให้สัมปทานรถร่วมฯ 7 ปี ย้ำต้องเปิดแข่งขัน ด้านขสมก.เมินลดค่าต๊งรถร่วมฯระบุไม่ใช้ภาษีคนไทยอุ้มเอกชน

คมนาคมปัดให้สัมปทานรถร่วมฯ 7 ปี ย้ำต้องเปิดแข่งขัน ด้านขสมก.เมินลดค่าต๊งรถร่วมฯระบุไม่ใช้ภาษีคนไทยอุ้มเอกชน

จากกรณีที่สมาคมผู้ประกอบการรถเอกชนร่วมบริการ (รถร่วมขสมก.)เตรียมเข้าพบ รมช.คมนาคมในวันที่ 16 ส.ค. เพื่อเรียกร้องขอสัมปทานเดินรถเมล์เส้นทางใหม่ระยะเวลา 7 ปี โดยไม่ต้องเข้าร่วมประมูลนั้น

นายสนิท พรหมวงษ์ อธิบดีกรมการขนส่งทางบก (ขบ.) เปิดเผยว่า ในช่วงเปลี่ยนผ่านจะช่วยเหลือผู้ประกอบการรายเดิมอย่างรถเอกชนร่วมบริการสามารถเดินรถในเส้นทางเดิมได้ก่อน โดยจะออกใบอนุญาตอายุไม่เกิน 2 ปีให้เพื่อเตรียมตัวเปลี่ยนผ่านไปใช้เส้นทางใหม่ แต่ทั้งนี้ขอยืนยันว่าการขอเส้นทางเดินรถ 269 เส้นทางนั้นจะต้องมีการแข่งขันกันเพื่อขอบริหารเส้นทาง จะไม่มีการให้เปล่าหรือยกเส้นทางให้เอกชนรายใดรายหนึ่งแน่นอน เพราะหากทำแบบนั้นจะทำให้การปฏิรูปเส้นทางครั้งนี้ไม่ได้ผลเพราะเป้าหมายไม่ใช่แค่เปลี่ยนเส้นทางแต่ต้องการยกระดับคุณภาพบริการและความปลอดภัยในการเดินทางให้ประชาชนอีกด้ว

ด้านนายวีระพงศ์ วงศ์แหวน ประธานสหภาพแรงงานรัฐวิสาหกิจ องค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (สร.ขสมก.) กล่าวว่า การยกสัมปทานเส้นทางเดินรถ 7 ปี ให้รถร่วมฯซึ่งเป็นเอกชนนั้นถือว่าไม่เป็นผลดีต่อรัฐบาลและประชาชน เพราะมีโอกาสที่เอกชนจะมีคุณภาพบริการไม่เพียงพอจนเกิดปัญหาแบบที่ผ่านมา อีกทั้งรัฐบาลยังไม่สามารถบอกเลิกสัมปทาน 7 ปีดังกล่าวได้ก่อให้เกิดปัญหาเรื้อรังในอนาคต ดังนั้นจึงควรให้สัญญาในช่วงเปลี่ยนผ่านก่อน 2 ปี เพื่อดูประสิทธิภาพการบริหารากสามารถทำได้ดีจึงค่อยขยายสัมปทานออกไปอีก แต่ทั้งนี้ถ้าต้องมีการประมูล 269 เส้นทาง ขสมก.จะไม่ให้เอกชนที่ค้างชำระหนี้กับองค์กรเข้าประมูลแน่นอน

ส่วนประเด็นที่รถร่วมขสมก.เรียกร้องให้รัฐบาลลดภาระการจัดเก็บค่าตอบแทน ของรถเมล์ร้อนอยู่ที่15.30 บาทต่อคันต่อวัน และรถโดยสารปรับอากาศอยู่ที่ 30 บาทต่อคันต่อวันนั้นจากปัจจุบันที่รถร้อนจัดเก็บ 120 บาทต่อคันต่อวัน และรถปรับอากาศ  60-280 บาทต่อคันต่อวันนั้น นายวีระพงศ์กล่าวว่า เชื่อมั่นว่าขสมก.ไม่มีนโยบายนำเงินภาษีของประชาชนมาอุดหนุนเพื่ออุ้มรถโดยสารเอกชนถือเป็นการทำไม่ถูกต้องที่ไปลดค่าคตอบแทนแบบนั้น ดังนั้นหากเอกชนรายใดไม่สามารถดำเนินกิจการได้ก็ไม่ต้องออกเดินรถเพื่อไปหาแนวทางพัฒนางานบริการให้ตอบสนองความต้องการผู้ใช้ เพราะการเน้นประหยัดต้นทุนบริหารโดยลดสวัสดิการและประกันสังคมของพนักงานนั้นจะสะท้อนออกมาในงานบริการจนเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชนแน่นอน