posttoday

คนไทยขี้ร้อนไฟฟ้าเริ่มพีกช่วงกลางคืน

15 มีนาคม 2560

กฟผ.จับตาไฟพีกเดือน มี.ค.ส่อมาเร็ว เกิดกลางคืนเหตุอากาศร้อนคนแห่ใช้เครื่องปรับอากาศ

กฟผ.จับตาไฟพีกเดือน มี.ค.ส่อมาเร็ว เกิดกลางคืนเหตุอากาศร้อนคนแห่ใช้เครื่องปรับอากาศ

นายเริงชัย คงทอง ผู้อำนวยการฝ่ายควบคุมระบบกำลังไฟฟ้า การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เปิดเผยว่า ปริมาณความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงสุด (พีก) ในเดือน มี.ค. จะเกิดขึ้นในช่วงเวลากลางคืนเฉลี่ยที่ระดับ 2.8 หมื่นเมกะวัตต์  ซึ่งเริ่มทำสถิติตั้งแต่เดือนนี้ เมื่อเทียบกับไฟพีกปี 2559 อยู่ที่ 29,619 เมกะวัตต์ เนื่องจากสภาพอากาศร้อนส่งผลให้มีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูง

"ตัวเลขการใช้ไฟฟ้าเมื่อวันที่ 14 มี.ค. 2560 อยู่ที่ระดับ 27,200 เมกะวัตต์  ซึ่งปีนี้คาดว่าเดือน มี.ค. ไฟพีกอยู่ที่ 28,200 เมกะวัตต์  เดือน เม.ย.ที่ระดับ 29,00 เมกะวัตต์ ส่วนเดือน พ.ค.สูงสุด 3 หมื่นกว่าเมกะวัตต์ ขณะที่ความต้องการใช้ไฟฟ้าจะขยายตัวอย่างต่อเนื่อง โดยเดือน มี.ค. คาดว่าปริมาณการใช้ไฟฟ้าจะโต 4.5% ส่วนเดือน ม.ค.ที่ผ่านมาขยายตัว 0.3% เดือน ก.พ.ขยายตัว 4.5%" นายเริงชัย กล่าว

นายกรศิษฏ์  ภัคโชตานนท์  ผู้ว่าการการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) กล่าวว่า คาดว่าไฟฟ้าพีกปี 2560 จะทยอยเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย. และ พ.ค. ขยายตัวประมาณ 1.6% จากปี 2559 ที่ระดับอุณหภูมิ 39 องศา โดยปัจจัยสำคัญมาจากการใช้ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นในทุกสาขาและอุณหภูมิปีนี้ที่คาดว่าจะยังคงร้อนต่อเนื่อง

สำหรับโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ในขั้นตอนการจัดทำรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) และรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ (อีเอชไอเอ)  ทาง กฟผ.จะต้องดำเนินการใหม่หมด  คาดว่าจะสามารถเริ่มกระบวนการเปิดเวทีรับฟังความคิดเห็น (ค.1) ได้ภายใน 3 เดือนนี้ และขั้นตอนทั้งหมดคาดว่าจะใช้เวลารวม 2 ปีกว่า หรือจะเลื่อนจ่ายไฟเข้าระบบไปจากเดิมปี 2564 เป็นปี 2567

อย่างไรก็ตาม หากโรงไฟฟ้าถ่านหิน จ.กระบี่ ดำเนินการไม่ได้และต้องใช้ก๊าซธรรมชาติเหลว (แอลเอ็นจี) นำเข้าก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจาก บริษัท ปตท.ไม่ได้เชื่อมต่อท่อก๊าซให้เพราะไม่คุ้มหรือหากต้องนำเข้าแอลเอ็นจีแบบคลังลอยน้ำ (เอฟเอสอาร์ยู) ก็จำเป็นต้องต่อท่อก๊าซจากทะเลเพื่อขนถ่าย  ซึ่งในอนาคตรัฐบาลมี นโยบายจะประกาศให้ จ.กระบี่ เป็นเขตอุทยานแห่งชาติทางทะเลก็อาจจะหมดสิทธิในพื้นที่นี้ได้

นอกจากนี้ กฟผ.ได้ประเมินว่าหากคำนวณมูลค่าต้นทุนเชื้อเพลิงผลิตไฟฟ้าจากแอลเอ็นจีในปี 2565 เทียบกับถ่านหิน พบว่าแอลเอ็นจีจะมีต้นทุนผลิตไฟฟ้าที่แพงกว่าโรงไฟฟ้าถ่านหิน 80 สตางค์/หน่วย หรือคิดเป็นมูลค่า 5,200 ล้านบาท/ปี  ซึ่งในแผนระยะยาวต้นทุนเชื้อเพลิงอาจสูงกว่านี้มาก  ทั้งนี้ท้ายสุดแล้วหากไม่เลือกถ่านหิน กฟผ.ก็พร้อมปฏิบัติตามนโยบายรัฐ