posttoday

สว่าง ณ กลางใจ ช่วยหลวงปู่ตอบคำถาม

31 มีนาคม 2562

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับหลวงพี่ หลวงพ่อ

ผมเขียนบทความเกี่ยวกับหลวงพี่ หลวงพ่อ ที่มีผลงานน่าเคารพในคอลัมน์สว่าง ณ กลางใจ มาตั้งแต่ปีแรกที่ออกหนังสือพิมพ์โพสต์ทูเดย์ พระคุณเจ้าถูกใจและประทับใจก็ตัดใส่กรอบไว้โชว์

ในบรรดาหลวงพ่อที่ประทับใจกับข้อเขียนของผมนั้นหลวงปู่เจ้าอาวาสวัดภคินีนาถ ปัจจุบันคือ พระราชอุดมมงคล (วิสิทธิ์) เป็นที่หนึ่ง เมื่อนำบทที่ท่านให้สัมภาษณ์ในคอลัมน์ สว่าง ณ กลางใจ ถ่ายสำเนาขนาดใหญ่ติดไว้ที่กุฏิและตามสถานที่ต่างๆ ในวัดภคินีนาถ เพื่อตอบคำถามคนที่สงสัยว่า ทำไมจึงได้ตำแหน่งเจ้าอาวาสวัดภคินีนาถ ทั้งๆ ที่สูงวัย เป็นพระบ้านนอก และมีสมณศักดิ์แค่พระครูเท่านั้น

บทสัมภาษณ์ ที่ตีพิมพ์ พ.ศ. 2551 มีดังนี้

พระครูอายุ 86 ปี จากปากเกร็ด มาเป็นเจ้าอาวาสวัดหลวงใน กทม.

เรื่องฮือฮาในวงการพระสงฆ์ก่อนเข้าพรรษาปี 2551 ไม่มีเรื่องใดเกินเรื่องที่มหาเถรสมาคม (มส.) เห็นชอบกับข้อเสนอของสมเด็จพระมหาธีราจารย์ กรรมการ มส. เจ้าคณะใหญ่หนกลาง ที่เสนอแต่งตั้งพระครูนนทสารวิสิทธิ์ เจ้าอาวาสวัดกลางเกร็ด อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ข้ามห้วยมาเป็นเจ้าอาวาสวัดภคินีนาถวรวิหาร พระอารามหลวง เขตบางพลัด กรุงเทพมหานคร ทั้งๆ ที่พระครูมีอายุสูงถึง 86 ปี ถือว่าเป็นเรื่องแปลกที่คาดไม่ถึง

แต่เมื่อผมไปนมัสการและขอสัมภาษณ์หลวงพ่อพระครูที่วัดภคินีนาถ ก็พบความจริงว่าอายุเป็นเพียงตัวเลขเท่านั้น

วัดหลวงสมัยอยุธยา

วัดภคินีนาถวรวิหาร เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดวรวิหาร สร้างเมื่อ พ.ศ. 2200 ได้รับพระราชทานวิสุงคามสีมา พ.ศ. 2325 เดิมมีชื่อว่า วัดบางจาก พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 พระราชทานนามวัดใหม่ว่า ภคินีนาถ ทั้งนี้ เพราะสมเด็จเจ้าฟ้ากรมหลวงเทพยวดี พระราชธิดาองค์น้อย ในรัชกาลที่ 1 ทรงสถาปนาใหม่ ปัจจุบันนอกจากพระอุโบสถที่สมเด็จเจ้าฟ้าพระองค์นั้นทรงสร้างแทนหลังเก่าแล้ว พระตำหนักที่ให้รื้อมาปลูกถวายวัดยังคงอยู่ในสภาพดีเช่นกัน

วัดนี้มีเจ้าอาวาสสับเปลี่ยนหลายรูป เมื่อพระราชมงคลมุนี (เงิน สุทนฺโต) อดีตเจ้าอาวาส รูปที่ 9 มรณภาพและได้รับพระราชทานเพลิงศพ เมื่อวันที่ 19 เม.ย. 2551 มส.จึงมีมติตั้งพระครูนนทสารวิสิทธิ์ จากวัดกลางเกร็ด อ.ปากเกร็ด มาเป็นเจ้าอาวาสลำดับที่ 10 แบบที่เหนือความคาดหมาย

เปิดใจพระครูนนทสารวิสิทธิ์

สว่าง ณ กลางใจ ช่วยหลวงปู่ตอบคำถาม

“คนอายุ 86 ปี แล้ว บ้านนอกเขาไม่เอามาเป็นสมภารหรอก แก่เกินแกงแล้ว” เป็นเสียงพูดที่ฟังดูจริงจัง มีกังวานและเข้มแข็ง มิใช่เสียงพูดคนอื่น แต่เป็นของพระครูนนทสารวิสิทธิ์ พระเถระอายุ 86 ปี ที่ผู้คนกล่าวถึงว่า อายุ 86 ปีแล้วยังได้รับความไว้วางใจจากสมเด็จพระมหาธีราจารย์ เจ้าคณะใหญ่หนกลาง กรรมการ มส. และคณะผู้ปฏิบัติหน้าที่สมเด็จพระสังฆราช เจ้าอาวาสวัดชนะสงคราม ขอมติ มส.ให้มาเป็นเจ้าอาวาสวัดภคินีนาถ พระอารามหลวง ในกรุงเทพมหานคร เป็นเรื่องที่ใครๆ ก็คาดไม่ถึง

หลวงพ่อเล่าว่า ผู้คนยิ่งแปลกใจใหญ่ที่เอาพระอายุ 86 ปี มาเป็นสมภารในกรุงเทพฯ และเป็นวัดหลวงด้วย จึงเป็นพระที่ประหลาด แต่สมเด็จวัดชนะสงคราม (สมเด็จพระมหาธีราจารย์) ให้โอวาทในวันที่มอบพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดภคินีนาถ ก่อนเข้าพรรษาไม่กี่วันว่า อายุ 88 ปี ก็เคยตั้ง (เป็นเจ้าอาวาส) มาแล้วนะ (ดังนั้นจึงไม่แปลก)

ท่านพระครูเจ้าอาวาสรูปใหม่แต่หน้าเก่า บอกว่า ข้อใหญ่ใจความที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ให้โอวาทในวันนั้น บอกเหตุผลว่าการที่ตั้งพระสูงอายุมาเป็นเจ้าอาวาส เพราะพระครูเคยเป็นศิษย์เก่าที่นี่ รู้เรื่องอะไรต่างๆ ดี จึงต้องการให้มาดูแลวัด แม้ว่าจะไม่ได้ทำความเจริญอะไรให้เพิ่มขึ้น ก็ให้พยายามรักษาความเจริญที่มีอยู่แล้วให้คงอยู่เท่านั้น

(ขอสรุปจากบทสัมภาษณ์ที่เคยพิมพ์ไปแล้วว่า ชื่อเดิม วิสิทธิ์ นามสกุล ขวัญเมือง เกิดที่บ้านคลอง บางบัวทอง อ.ปากเกร็ด จ.นนทบุรี ตรงกับวันที่ 21 ต.ค. 2465 มาอยู่วัดภคินีนาถตั้งแต่เป็นเด็ก พ.ศ. 2478 บวชเณร พ.ศ. 2480 อุปสมบทที่วัดภคินีนาถ พ.ศ. 2486 มีพระพิมลธรรม (ช้อยฐานทตฺโต) วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ เป็นพระอุปัชฌาย์ สมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ฟื้น ชุตินฺธโร) ครั้งเป็นพระปริยัติโสภณ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระครูอุปการประชากิจ วัดภคินีนาถ เป็นพระอนุสาวนาจารย์ สอบได้ น.ธ.เอก พ.ศ. 2486 และสอบ ป.ธ.5 ได้ พ.ศ. 2500)

หลวงพ่อจากวัดภคินีนาถไปเมื่อวันที่ 2 เม.ย. 2502 ไปอยู่วัดใหญ่ ปากเกร็ด ตามที่มีผู้นิมนต์เพื่อให้เป็นสมภาร เพื่อสืบต่อการบริหารแทนสมภารที่มีสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณแต่กำลังถูกโรคภัยไข้เจ็บเบียดเบียน มีทีท่าว่าจะหมดหวัง หากแต่หลวงพ่อขณะนั้นเป็นพระมหาหนุ่มๆ ไม่ได้สืบต่อการบริหารอะไรเลย เนื่องจากเจ้าคุณเจ้าอาวาสรูปนั้นดีวันดีคืน จนกระทั่งหายป่วย มีอายุยืนยาวมาได้อีก 18 ปี จึงมรณภาพ

อย่างไรก็ตาม เมื่ออยู่วัดใหญ่ 5 ปี ก็ถูกส่งให้มาดูแลวัดกลางเกร็ด ที่เจ้าอาวาสลาสิกขาบท จึงได้รับแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสแทนตั้งแต่ พ.ศ. 2507 อยู่เรื่อยมารวมเวลา 44 ปี ช่วยพัฒนาวัดกลางเกร็ดที่ทรุดโทรม เต็มไปด้วยรังนกกระจอก ให้ขึ้นมาอยู่ในแถวหน้าได้ แม้แต่การสร้างศาลาการเปรียญ จอมพลถนอม กิตติขจร ยังขึ้นไปดู

นอกจากเป็นเจ้าอาวาสแล้วยังได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าคณะอำเภอปากเกร็ด ดำรงตำแหน่งนานถึง 20 กว่าปี จึงเกษียณเมื่ออายุ 80 ปี และต่อมาได้รับแต่งตั้งให้เป็นที่ปรึกษา และอยู่มาจนกระทั่งย้ายมาเป็นเจ้าอาวาสที่วัดภคินีนาถ

ทำไมจึงกลับมาวัดภคินีนาถอีก

การที่กลับมาวัดภคินีนาถอีก เพราะพระผู้ใหญ่ให้มา หลวงพ่อเล่าว่า เหตุเกิดในวันพระราชทานเพลิงศพ เจ้าคุณพระราชมงคลมุนี อดีตเจ้าอาวาสวัดภคินีนาถ วันที่ 19 เม.ย. 2551 เมื่อสมเด็จพระมหาธีราจารย์ (เจ้าคณะใหญ่หนกลาง) เรียกให้มานั่งใกล้ๆ แล้วบุกเลยว่า ให้กลับมาเป็นสมภารที่วัดนี้ หลวงพ่อตอบไปโดยไม่ลังเลว่าผมอายุมากแล้ว แก่เกินแกงแล้ว สมเด็จพูดตัดบทว่า เอาเถอะๆ หลวงพ่อจึงตอบไปว่า ผมไม่รังเกียจอะไร งานพระศาสนาอยู่ที่ไหนก็ทำงานเพื่อพระศาสนาได้ พร้อมทั้งย้ำเรื่องอายุ และบอกว่าขอปรึกษาพรรคพวกอีกสักหน่อย แต่ก็ไม่ได้ปรึกษาใคร นอกจากผู้ที่ทราบจะบอกว่าผู้ใหญ่เมตตาขนาดนี้แล้ว ถ้าเบี้ยว จะมีปัญหา ทั้งนี้ ไม่เคยมีอย่างนี้ ที่พอเผาศพสมภารเก่าเสร็จ (สมเด็จ) ลุยเลย หายากมาก เพราะอย่างน้อยท่านต้องเรียกไปคุยอย่างนั้นอย่างนี้ก่อน แต่กรณีหลวงพ่อนี่พอลงจากเมรุเผาศพเท่านั้น (สมเด็จ) ก็ลุยเลย

วันหนึ่งมีงานที่วัดกู้ ปากเกร็ด นนทบุรี หลวงพ่อก็ไป พระพรหมโมลี เจ้าคณะภาค 1 (ปัจจุบันเป็น สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (สมศักดิ์) รับนิมนต์ไปวัดกู้ด้วย เจ้าคณะภาค 1 พูดให้เตรียมตัวย้ายวัดตามที่สมเด็จ (วัดชนะสงคราม) บอกมาได้แล้ว ซึ่งตอนนั้นก็ลังเล อยากไปบอกคืนแต่ก็ไม่ได้ไป

ในที่สุดก็มารับตำแหน่งตามที่สมเด็จพระมหาธีราจารย์ บอกไว้

วันที่มารับตำแหน่งเจ้าอาวาสนั้น สมเด็จพระมหาธีราจารย์เป็นผู้มอบพระบัญชาแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัดภคินีนาถ แล้วให้โอวาทว่า “ขอบใจที่ยอมมาเป็นสมภารที่นี่ แม้อายุจะมาก 86 ปีแล้ว ก็ไม่ต้องวิตก เพราะมากกว่านี้ เช่น อายุ 88 ปี ก็เคยตั้งมาแล้ว พร้อมกับบอกว่าสมภารอยู่วัดไหน หากเข้ากับชาวบ้านที่นั่นได้ ปัญหามันน้อย ถ้าเข้ากับชาวบ้านไม่ได้ ชาวบ้านไม่รับ ปัญหามาก เพราะการปกครองเป็นเรื่องใหญ่

เมื่อมาอยู่วัดภคินีนาถ พ.ศ. 2551 หลวงพ่อเจริญในสมณศักดิ์ จากสมณศักดิ์พระครูที่ได้รับ พ.ศ. 2540 ก็ได้เลื่อนสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณชั้นสามัญ วันที่ 5 ธ.ค. 2551 ที่ พระมงคลสิทธิญาณ ต่อมาวันที่ 5 ธ.ค. 2558 ได้เลื่อนเป็นพระราชาคณะชั้นราช ที่ พระราชอุดมมงคล ถึงปัจจุบัน