นั่งรถไฟไปไหว้หลวงพ่อทองคำ
ช่วงนี้จิตใจร้อนรุ่ม เพราะราหูเข้ามา (สิง) สถิตในราศีกรกฎหรือเปล่าไม่รู้
โดย วรธาร ภาพ : เสกสรร โรจนเมธากุล
ช่วงนี้จิตใจร้อนรุ่ม เพราะราหูเข้ามา (สิง) สถิตในราศีกรกฎหรือเปล่าไม่รู้ ได้ยินว่าอยู่นานถึงปีครึ่งเลย จิตใจจึงไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว อยู่ๆ นึกอยากจะเข้าวัดไหว้พระขึ้นมาซะอย่างนั้น
แล้วไปวัดไหนดี ที่การเดินทางในกรุงเทพๆ สะดวกไม่ต้องขับรถไปเองและอยู่ใกล้รถไฟฟ้า อ้อ!...นึกออกแล้ว วัดไตรมิตรวิทยาราม ไปไหว้หลวงพ่อทองคำ เหลืองอร่ามงดงาม เผื่อรัศมีขององค์หลวงพ่อทองคำจะแผ่ฉัพพัณณรังสีขับไล่ความทุกข์ออกไปบ้าง
ดีไม่ดีอาจได้ของขลังหลวงพ่อเจ้าคุณธงชัยกลับมาอีก (คิดไปโน่น)
นั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมาลงสถานีหัวลำโพง ขึ้นจากสถานีแล้วเดินไปอีกไม่กี่อึดใจก็ถึงแล้ว
วัดไตรมิตรฯ ตั้งอยู่ทางทิศตะวันตกของสถานีรถไฟหัวลำโพง ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ เป็นวัดโบราณสร้างเมื่อสมัยใดไม่ปรากฏหลักฐาน เดิมชื่อว่า “วัดสามจีนใต้”
มีเรื่องเล่าว่า วัดสามจีน เดิมมีอยู่ 3 วัด คือ วัดสามจีน อยู่ในคลองบางอ้อด้านตรงข้ามกับเทเวศร์วัดหนึ่ง วัดสามจีนเหนือ บางท่านก็ว่าอยู่ที่บางขุนพรหม บางที่ก็ว่าอยู่ที่ จ.นนทบุรี สำหรับวัดที่อยู่บางขุนพรหม คือ วัดสังเวชวิศยาราม ส่วนที่อยู่ จ.นนทบุรี ได้แก่ วัดโชติการาม อ.เมือง และวัดสามจีนใต้ ได้แก่ วัดไตรมิตรวิทยาราม
สำหรับหลวงพ่อทองคำ หรือพระพุทธรูปทองคำสุโขทัยไตรมิตรนั้น มีนามซึ่งปรากฏตามพระราชทินนามของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 ว่า พระพุทธมหาสุวรรณปฏิมากร เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย อยู่ในพระอิริยาบถนั่งสมาธิราบ พระหัตถ์ซ้ายหงายวางบนพระเพลา พระหัตถ์ขวาวางเหนือพระชานุ ปลายพระหัตถ์ชี้ลงพื้นธรณี หน้าตักกว้าง 6 ศอก 5 นิ้ว สูงจากฐานถึงพระเกตุเมาฬี 7 ศอก 1 คืบ 9 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ใหญ่ที่สุดในโลก
หนังสือกินเนสบุ๊กฉบับปี ค.ศ. 1991 บันทึกไว้ว่ามีมูลค่าเฉพาะเนื้อทองคำสูงถึง 21.1 ล้านปอนด์
ว่าแต่มาวัดทั้งที ต้องให้คุ้มกับเวลาที่ต้องเดินทาง ยิ่งมาวัดไตรมิตรฯ ทุกคนที่มานอกจากเอาความสบายใจกลับบ้านแล้วยังเป็นโอกาสที่จะได้เก็บเกี่ยวความเพลิดเพลินและความรู้กลับไปด้วย เพราะที่วัดมีศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราชซึ่งอยู่บนมหามณฑปที่ประดิษฐานหลวงพ่อทองคำให้ชมและศึกษาควบคู่กันไป
ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช หรือพิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตรนี้จะแตกต่างจากพิพิธภัณฑ์อื่นๆ ตรงที่ตั้งใจบอกเล่าเรื่องราวของชาวจีนโพ้นทะเลที่ในอดีตเคยหอบเสื่อผืนหมอนใบมาพึ่งพระบรมโพธิสมภาร และความรุ่งเรืองบนถนนสายทองคำบนผืนแผ่นดินไทยแห่งนี้
โดยศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช ตั้งอยู่บนชั้น 2 ของพระมหามณฑป แสดงถึงการโยกย้ายถิ่นฐานของชนชาวจีนมาสู่ประเทศไทย จากครั้งอดีตจวบจนปัจจุบัน
ทั้งหมดมีห้องแสดงนิทรรศการต่างๆ 6 ห้อง โดยแบ่งออกตามช่วงเวลาและเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตามลำดับ
1.เติบใหญ่ใต้ร่มพระบารมี ฟังคำบอกเล่าจากอากงชาวเยาวราช เพื่อทำความรู้จักเบื้องต้นกับชุมชนชาวจีนสำเพ็งและเยาวราช
2.กำเนิดชุมชนจีนแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ (พ.ศ. 2325-2394) จุดกำเนิดของชุมชนจีน-สำเพ็ง และการเข้ามาของชาวจีนโพ้นทะเลในช่วงสมัยรัชกาลที่ 1-3 จนกระทั่งกลายเป็นย่านการค้าที่ใหญ่ที่สุดของกรุงเทพฯ
3.เส้นทางสู่ยุคทอง (พ.ศ. 2394-2500) พัฒนาการของชุมชนจีนจากตลาดสำเพ็งสู่ความเป็นย่านธุรกิจสมัยใหม่บนถนนเยาวราช เรื่องราววิถีชีวิตที่ช่วยให้ผู้ชมเกิดความเข้าใจอย่างลึกซึ้งต่อวิถีทางสังคมของชาวเยาวราชในยุคนั้นเป็นอย่างดี
4.ตำนานชีวิต Hall of Fame ประกอบวีดิทัศน์แสดงตำนานชีวิตของบุคคลชาวเยาวราชที่เป็นแบบอย่างและแรงบันดาลใจให้แก่ชนรุ่นหลัง
5.พระบารมีปกเกล้าฯ แกลเลอรี่ภาพถ่ายและวีดิทัศน์แสดงถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 9 และพระบรมวงศานุวงศ์ ต่อชุมชนเยาวราช
6.ไชน่าทาวน์วันนี้ ภาพลักษณ์อันโดดเด่นในแง่มุมของเยาวราชที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน ซึ่งได้รับการขนานนามว่าเป็นไชน่าทาวน์ของประเทศไทย
เดินชมนิทรรศการแล้วก่อนกลับบ้าน แน่นอนอย่าลืมไปกราบไหว้หลวงพ่อทองคำละกัน ไม่อย่างนั้นถือว่ามาไม่ถึงวัดไตรมิตรฯ