posttoday

พุทธถาม... ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร?

25 ธันวาคม 2559

เจริญพรสาธุชน ผู้มีจิตศรัทธา...ในห้วงเวลาของสังคมโลกที่ร้อนระอุด้วยไฟกิเลส เราพบเห็นการดำเนินชีวิตอย่าง

โดย...พระอาจารย์อารยะวังโส

เจริญพรสาธุชน ผู้มีจิตศรัทธา...ในห้วงเวลาของสังคมโลกที่ร้อนระอุด้วยไฟกิเลส เราพบเห็นการดำเนินชีวิตอย่างขาดสติปัญญากันมากขึ้น ด้วยอำนาจโทสะจิตที่กำกับด้วยอวิชชา...

สัญญาวิปลาส...จิตวิปลาส...ทิฏฐิวิปลาส จึงเกิดขึ้นในจิตวิปลาส ที่ขาดสติปัญญา อันจะนำไปสู่ความวิบัติในการกระทำทั้งปวงด้วยกาย วาจา ใจ ให้ผิดศีล เสื่อมธรรม หลงทางลึกลงไปในห้วงเหวแห่งความทุกข์ อย่างไม่รู้จักที่จะหาหนทางออกมา... จึงกลายเป็นสัตว์ทุกข์เที่ยงแท้ ที่มุ่งหน้าไปสู่ทุคติส่วนเดียวจริงๆ...

พระพุทธศาสนามีคำถามธรรมดาๆ... แต่ตอบกันได้ยากมาก เมื่อขาดสติปัญญาใคร่ครวญ... ดังคำถามที่ว่า...คนเราเกิดมาเพื่ออะไร!?...

สาธุชน... อย่าได้มองว่า เป็นคำถามพื้นๆ ไม่เห็นยากอะไรเลย... เพราะคำถามนี้แหละ จะโยงใยไปสู่คำถามอื่นๆ ในวนเวียนชีวิตสัตว์โลก เรียกว่า เป็นปัญหามูลการก็ว่าได้

ที่สำคัญ หากเข้าใจตามคำถามดังกล่าว ก็จะนำไปสู่การเริ่มต้นเรียนรู้ธรรมะเพื่อชีวิตได้... ซึ่งหลักธรรมทั้งหมดรวมไว้ในหนึ่งจิตหนึ่งชีวิตของเรา ที่จะรู้เข้าใจได้เมื่อเข้าสู่การเรียนรู้เพื่อชีวิตตามหลักพระศาสนา...ที่เราจะตอบตนเองได้ว่า การศึกษาของพระพุทธศาสนาแท้จริงคืออะไร ...เมื่อพระพุทธศาสนาวางการเรียนรู้ เพื่อสร้างองค์ความรู้กี่ระดับ ทฤษฎีความรู้ของพระพุทธศาสนาเป็นแบบไหน อย่างไร... เราจะสร้างองค์ความรู้ในแต่ละระดับให้เกิดขึ้นได้อย่างไร... ที่สำคัญ ความรู้ที่เกิดขึ้นนั้นจะพัฒนาชีวิตของเราไปให้ถึงจุดมุ่งหมายอันสูงสุดในพระพุทธศาสนาได้อย่างไร... ฯลฯ

จากคำถามพื้นๆ ที่ว่า คนเราเกิดมาเพื่ออะไร จึงเป็นการฉุกใจชวนให้คิด... ชวนจิตคิดควรแก่การพิจารณา เพื่อสร้างองค์ความรู้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นระบบ มีแบบแผน ด้วยการรู้จักคิดพิจารณาอย่างแยบคาย... รู้จักตั้งโจทย์ธรรมชีวี เพื่อพิจารณาว่า สิ่งนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร หรือ อะไรทำให้สิ่งนี้เกิดขึ้น ด้วยการสืบสาวเข้าไปดูว่า หากสิ่งนี้เกิดขึ้น แล้วจะเกิดอะไรขึ้นอีกต่อไป... ต่อไป... ต่อไป...

พุทธถาม... ชีวิตเกิดมาเพื่ออะไร?

 

การรู้จักการแยกแยะองค์ประกอบของโจทย์ปัญหาดังกล่าว... เพื่อกระจายชีวิตออกไปให้เห็นตามสภาพความจริงอันเป็นไปตามหลักธรรม เพื่อไล่เรียงดูภาวะที่ประกอบกัน อาศัยกันและกัน จนก่อรูปร่างเป็นชีวิตขึ้น เพื่อการรู้เท่าทันตามความเป็นจริงที่เป็นธรรมดาของชีวิต อันจะนำไปสู่ความเข้าใจในชีวิตที่ถูกต้อง เพื่อจะได้คิดแก้ปัญหาได้อย่างถูกโจทย์ ตรงธรรม ตามหลักวิธีคิดแบบแก้ปัญหา ที่เรียกว่า แบบอริยสัจจ์ในพระศาสนา อันเป็นวิธีคิดตามเหตุและผล... สืบสาวจากผลมาหาเหตุ แล้วแก้ไขทำการที่ต้นเหตุ หรือวิธีคิดตรงจุดปัญหาเลย เช่น ชีวิตมีความทุกข์ ก็มุ่งตรงการกำหนดรู้ความทุกข์... ชีวิตมีปัญหา ก็มุ่งตรงกำหนดรู้เท่าทันปัญหานั้น... อย่างเผชิญหน้ากันด้วยศักยภาพ... สมรรถภาพ... ประสิทธิภาพ ที่สมบูรณ์พร้อมของจิตใจที่มีสติปัญญาควบคุมดูแลอย่างมั่นคง

การจัดการพัฒนาชีวิตให้เกิดประโยชน์และความควร ด้วยหลักการพึ่งตนเอง-พึ่งธรรมะ ด้วยการเจริญสติปัญญาเพื่อความเข้าใจในชีวิตตามแบบพุทธะ จนสามารถเข้าถึงสาระธรรมแห่งชีวิตที่จะนำไปสู่การตอบตนเองได้ว่า เกิดมาเพื่ออะไร นับเป็นคุณูปการที่เราได้รับจากพระศาสนา ที่จะทำให้การจัดระบบชีวิตของตนเองมีความสัมพันธ์ที่ดีกับชีวิตของสัตว์ทั้งหลายในสังคมและสิ่งแวดล้อมทั้งหลาย

พระพุทธศาสนาจึงมุ่งพัฒนาสร้างทรัพยากรมนุษย์ให้ถึงพร้อมด้วยคุณภาพ สมรรถภาพ ประสิทธิภาพ ที่สามารถบรรลุความสิ้นทุกข์ หมดสิ้นปัญหาได้จริง... หากเรา-ท่านสามารถดำเนินมาถูกต้องตรงตามเส้นทางแห่งพระธรรมวินัยจริง ความขัดแย้งหรือปัญหาต่างๆ ก็จักไม่ปรากฏ หรือแม้ปรากฏก็จักสามารถแก้ไขได้... ไม่รกรุงรังให้เป็นขยะมลพิษสังคมดังที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน จนชักไม่แน่ใจว่า “เอ๊ะ.. นี่หรือ คือ สำนักเรียน...วัดวาอารามในพระศาสนา เพราะแม้แต่หมู่พระ-คนวัด ก็ยังวุ่นวายมากมายไปด้วยปัญหาและความทุกข์... และยังไม่รู้จักยุติปัญหาเหล่านั้น... มันขาดสติปัญญา จริงๆๆ...”

เจริญพร