สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ส่งนิสิตอบรมในสำนักมหาสีพม่า
ในบริเวณศาลารับรองขนาดใหญ่ของสำนักวิปัสสนา มหาสีสาสนเยกต้า นครย่างกุ้ง สหภาพเมียนมาร์
ในบริเวณศาลารับรองขนาดใหญ่ของสำนักวิปัสสนา มหาสีสาสนเยกต้า นครย่างกุ้ง สหภาพเมียนมาร์ เมื่อบ่ายวันที่ 28 ธ.ค. 2556 สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ (อุปสมเถระ ป.ธ.9) เจ้าคณะใหญ่หนกลาง เจ้าอาวาสวัดพิชยญาติการาม กรรมการมหาเถรสมาคม เป็นประธานในพิธีมอบพระนิสิตปริญญาโท สาขาวิปัสสนาภาวนา จำนวน 65 ท่าน (ในจำนวนนิสิต 65 รูป/คน แบ่งเป็นพระภิกษุ 57 รูป แม่ชี 3 ท่าน คฤหัสถ์หญิง 5 คน) ให้เข้าอบรมวิปัสสนากรรมฐานในสำนักมหาสีสาสนเยกต้า โดย ดร.พระภัททันตะ โอวาทาจริยะ อูชฎิละ อายุ 79 ปี เจ้าสำนัก เป็นประธานในการรับมอบ
ในการนี้ พระโสภณวชิราภรณ์ (ไสว) รองอธิการบดีฝ่ายกิจการต่างประเทศ มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ได้กล่าวรายงานว่า
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีศึกษาพุทธโฆส นครปฐม เป็นมหาวิทยาลัยสงฆ์ไทยที่เน้นการเรียนการสอนภาษาบาลี พระพุทธศาสนา และวิปัสสนาภาวนา โดยเปิดการเรียนการสอนหลักสูตรวิปัสสนาภาวนาระดับมหาบัณฑิต ตั้งแต่ปีการศึกษา 2548 เป็นต้นมา กำหนดให้นิสิตที่เข้าศึกษาในหลักสูตรนี้ เมื่อศึกษาครบหน่วยกิตรายวิชาแล้ว จะต้องปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาเป็นเวลา 7 เดือนติดต่อกัน จึงจะมีสิทธิเสนอสอบวิทยานิพนธ์ขอจบการศึกษา
ในการจัดทำและพัฒนาหลักสูตรรายวิชาการเรียนการสอนปริญญาโทวิปัสสนาภาวนานั้น พระเดชพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ประธานคณะกรรมการพัฒนาและจัดทำหลักสูตร โดยได้นำประสบการณ์การปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาเมื่อครั้งเข้าฝึกปฏิบัติวิปัสสนากรรมฐาน ณ สำนักวิปัสสนาวิเวกอาศรม จ.ชลบุรี มาเป็นแนวจัดทำหลักสูตร เพราะอาจารย์ผู้สอน กรรมฐานและสอบอารมณ์ คือ พระภัททันตะอาสภะเถระ พระวิปัสสนาจารย์จากสำนักมหาสีสาสนเยกต้า นำเอกสาร ผลงานวิชาการด้านวิปัสสนากรรมฐานที่รจนาโดยพระโสภณ มหาเถระ ผู้ก่อตั้งสำนักวิปัสสนามหาสี มาสอน
พระภัททันตะอาสภะเถระ เรียบเรียงเนื้อหาวิปัสสนาภาวนาสอดคล้องตามพระไตรปิฎก อรรถกถา ฎีกา สามารถอ้างอิงได้ในการเรียนการสอนเป็นอย่างดี
ส่วนการส่งพระนิสิตเข้าปฏิบัติ ณ สำนักวิปัสสนามหาสีนั้น ได้เคยส่งครั้งแรกเมื่อปี 2551 ต่อมาสำนักมหาสี จัดส่งพระวิปัสสนาจารย์ไปสอนกรรมฐานที่ประเทศไทย ตั้งแต่ปี 2552 เป็นลำดับมา
ในปี 2556 ได้ส่งนิสิตเข้าอบรมที่สำนักมหาสี โดยตรงอีกครั้ง เพื่อให้ได้รับการศึกษาครบถ้วนสมบูรณ์ทั้งภาคปริยัติ และภาคปฏิบัติ ใน 2 เดือนสุดท้ายของโครงการ ระหว่างวันที่ 28 ธ.ค. 255628 ก.พ. 2557
ในการฝึกอบรมปฏิบัติวิปัสสนาภาวนาครั้งนี้ ได้รับเมตตาอุปถัมภ์จากพระภัททันตะ โอวาทาจริยะ อูชฎิละ และคณะ กรรมการบริหารสำนักวิปัสสนาภาวนามหาสี ทั้งสถานที่ปฏิบัติ ภัตตาหาร และหน้าที่ในการบอกกล่าวกรรมฐาน และได้รับความอุปถัมภ์ทุนการศึกษาและพาหนะการเดินทางจากพระเดชพระคุณเจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ดร.คุณหญิงสมนึก เปรมวัฒนะ ดร.วนิดา บดินทร์ภักดีกุล คุณทวีป คุณสมศรี เพียรพิทักษ์ และคณะ โดยมีอูตานออง ตวนตวนอู เป็นผู้ประสานงานโครงการจนสำเร็จลุล่วงด้วยดี
สมเด็จพระพุทธชินวงศ์ ซึ่งเป็นผู้บุกเบิกและสร้างหลักสูตรวิปัสสนาภาวนาระดับมหาบัณฑิต บอกกับโพสต์ทูเดย์ว่า การที่ส่งพระนิสิตปริญญาโทมาอบรมวิปัสสนาในประเทศสหภาพเมียนมาร์ มีจุดประสงค์หลักคือการสร้างวิปัสสนาจารย์ให้คณะสงฆ์และพระศาสนา และต้องการให้นิสิตได้มีความมั่นใจว่าต้นธารการสอนในสหภาพเมียนมาร์นั้น สอดคล้องตรงกันกับที่สอนในไทย
ในการส่งพระนิสิตออกมาอบรมต่างประเทศ สามารถกล่าวได้ว่าเป็นคณะแรกและคณะเดียวของมหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) ที่ส่งนิสิตอบรมต่างประเทศก่อนจบหลักสูตร และเป็นสถาบันแห่งแรกของโลกที่จัดหลักสูตรสอนวิปัสสนากรรมฐานถึงปริญญาโท (Master of Arts in Vipassana Meditation)
หลักสูตรพุทธศาสนามหาบัณฑิต สาขาวิปัสสนาภาวนา บัณฑิตวิทยาลัย วิทยาเขตบาฬีพุทธโฆส มหาวิทยาลัยมหาจุฬา ลงกรณราชวิทยาลัย (มจร) เปิดสอนมาแล้ว 8 รุ่น และเป็นที่ต้องการของสำนักวิปัสสนากรรมฐานทั่วไป ในปีการศึกษาที่จะถึงเป็นรุ่นที่ 9 จึงมีนักศึกษาสมัครเข้ามาอบรมมากถึง 81 รูปด้วยกัน
ส่วนสำนักมหาสีนั้นสอนวิปัสสนาตามแนวสติปัฏฐาน 4 และเป็นที่มาของการฝึกวิปัสสนาในเมืองไทยที่เรียกทั่วไปว่า การพิจารณายุบหนอพองหนอ ซึ่งผู้ที่นำมาเผยแผ่ครั้งแรกคือ สมเด็จพระพุฒาจารย์ (อาจ อาสภเถระ) อธิบดีสงฆ์วัดมหาธาตุยุวราช รังสฤษฎิ์ ที่ส่งพระธรรมธีรราชมหามุนี (โชดก ป.ธ.9) เข้ามาเรียนจากสำนักมหาสีเป็นรุ่นแรก (ก่อน พ.ศ. 2500)
ในขณะที่ ดร.พระภัททันตะ โอวาทาจริยะ อูชฎิละ (Dr. Bhaddanta Jatila Ovadacariya) แห่งสำนักมหาสีสาสนเยกต้า (Mahasi Meditation Centr) กล่าวว่า ทางสำนักยินดีรับฝึกอบรมและดูแลพระนิสิตทั้งหมด พร้อมกับบอกว่าสำนักเปิดอบรมวิปัสสนากรรมฐานนานาชาติมาเป็นเวลานาน มีผู้เข้าเรียนและอบรมจากนานาชาติและชาวพม่า วันละประมาณ 400500 รูป/คน แต่ไม่มีผู้ศรัทธาชาติใดมารวมกันครั้งเดียวมากถึง 65 รูป/คน เท่าคณะที่มาจาก มจรในครั้งนี้ จึงถือว่าเป็นคณะใหญ่คณะแรกจากต่างชาติที่มาเข้าอบรมพร้อมๆ กัน เป็นเวลานานถึง 2 เดือน
ท่านเล่าว่าภาระหน้าที่ของท่านที่จะทุ่มเทให้คณะนิสิตเป็นพิเศษ คือ การแสดงพระธรรมเทศนาทุกวันอาทิตย์ หากใคร ไม่เข้าใจในเรื่องอะไรให้ถามตอบได้ในวันนั้น
ส่วนตารางอบรมแต่ละวันจะเริ่มตั้งแต่ 06.0009.00 น. จากนั้นเดินจงกรม และจะมีการสอบอารมณ์ทุกวัน เมื่อมีผู้อบรมมากจะสอบอารมณ์พร้อมๆ กันครั้งละ 5 ท่าน
ปัจจุบันนานาชาติที่มาปฏิบัติที่สำนักนี้ซึ่งมาเสมอ คือ ชาวเกาหลี จีนไต้หวัน จีนแผ่นดินใหญ่ ญี่ปุ่น ชาวยุโรป และไทย ดังนั้นทางสำนักจึงจัดล่ามให้ความสะดวกแก่ผู้ปฏิบัติธรรม 6 ภาษาด้วยกัน (รวมทั้งภาษาพม่าด้วย)
ดร.คุณหญิงสมนึก เปรมวัฒนะ ซึ่งเป็นมหาอุบาสิกาที่อุปถัมภ์ทั้งการเดินทาง ถวายผ้าไตรจีวรแด่พระนิสิตทุกรูป พร้อมทั้งถวายปัจจัยอีก 2 แสนบาทให้สำนักมหาสี บอกว่า ปลื้มใจที่ได้ทำบุญใหญ่ และรู้สึกเป็นพระคุณยิ่งที่เจ้าประคุณสมเด็จพระพุทธชินวงศ์ชี้แนะทางบุญให้
ส่วนพระนิสิตที่เข้าอบรมต่างก็มีความเต็มใจที่มีโอกาสมาฝึกถึงถิ่นกำเนิดยุบหนอพองหนอ ซึ่งพระนิสิตบางรูปที่โพสต์ทูเดย์พูดคุยด้วย บอกว่าไม่มีความกังวล และไม่หนักใจแต่อย่างใด พร้อมจะทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ สาธุ


