พรรคเพื่อไทยชี้ทิศผู้นำใหม่ 31 ต.ค.: จาตุรนต์–จุลพันธ์
หลังแพทองธารลาออก คกก.บห.ทำหน้าที่รักษาการ ตั้งชูศักดิ์คุมชั่วคราว นัดประชุมใหญ่วิสามัญ 31 ต.ค. 2568 เลือกหัวหน้า–กก.บห.ใหม่ จับตาชื่อ “จาตุรนต์–จุลพันธ์”
KEY
POINTS
- 31 ตุลาคม 2568 คือหมุดหมายเลือกหัวหน้า–กก.บห.กำหนดทิศทางพรรค
- จาตุรนต์เด่นงานเชิงสถาบันและกรอบนโยบาย ขณะที่จุลพันธ์เด่นเศรษฐกิจภาคปฏิบัติ
- ความสำเร็จขึ้นกับแพ็กเกจนโยบายเร่งด่วนและการจัดทัพกองยุทธศาสตร์พรรค
ภาพรวมสถานการณ์และไทม์ไลน์
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ลาออกจากหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อเปิดทางปรับโครงสร้างรับการเลือกตั้งครั้งถัดไป ส่งผลให้คณะกรรมการบริหารพรรคเดิมสิ้นสุดหน้าที่และอยู่ในสถานะ “รักษาการ”
ที่ประชุมคณะกรรมการบริหารพรรคมีมติให้นายชูศักดิ์ ศิรินิล ทำหน้าที่รักษาการหัวหน้าพรรคชั่วคราว เพื่อให้กลไกบริหารเดินหน้าต่อเนื่องและรองรับการจัดประชุมใหญ่
พรรคกำหนดประชุมใหญ่วิสามัญวันที่ 31 ตุลาคม 2568 เวลา 10.00 น. เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคและคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญกำหนดทิศทางทางการเมืองของพรรคในระยะต่อไป
รายชื่อแคนดิเดตและจุดแข็งเชิงนโยบาย
แคนดิเดตที่ถูกพูดถึงในพรรคมี 2 ราย ได้แก่ "จาตุรนต์ ฉายแสง" อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีหลายกระทรวง โดดเด่นด้านหลักการประชาธิปไตยและงานนโยบายเชิงสถาบัน
อีกคนคือ "จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์" อดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง และ ส.ส.เชียงใหม่หลายสมัย มีข้อได้เปรียบด้านภาพลักษณ์คนรุ่นใหม่ เข้าใจเศรษฐกิจฐานรากและการสื่อสารสาธารณะ
ทั้งสองมีคุณสมบัติแตกต่างกันอย่างชัดเจน : จาตุรนต์เด่นด้านกรอบคิดและการประสานงานเชิงสถาบัน ขณะที่จุลพันธ์เด่นด้านเศรษฐกิจเชิงปฏิบัติและการยึดพื้นที่เลือกตั้ง
ฉากทัศน์ยุทธศาสตร์พรรคหลังได้หัวหน้าใหม่
หากพรรคมุ่งเสถียรภาพเชิงสถาบันและการเจรจากับพันธมิตรทางการเมือง จุดแข็งของจาตุรนต์จะตอบโจทย์ ขณะเดียวกัน หากมุ่งรีแบรนด์และเน้นผลลัพธ์เศรษฐกิจระยะสั้น จุลพันธ์จะมีน้ำหนักมากขึ้น
ความท้าทายเร่งด่วนคือการออกแพ็กเกจนโยบายที่จับต้องได้ภายใน 100–180 วัน เช่น มาตรการกระตุ้นกำลังซื้อ เอสเอ็มอี และการคุมต้นทุนครัวเรือน ควบคู่การสื่อสารที่โปร่งใสและต่อเนื่อง
โครงสร้างคณะกรรมการบริหารใหม่—รองหัวหน้า เลขาธิการ และผู้อำนวยการพรรค—จะสะท้อน “สูตรเดินเกม” ว่าจะผสานจุดแข็งของทั้งสองแนวทางหรือเลือกวางเดิมพันด้านใดด้านหนึ่งเป็นหลัก
การประชุมใหญ่วิสามัญเพื่อไทย 31 ตุลาคม 2568 จะตัดสินทิศทางใหม่ของพรรคเพื่อไทย ระหว่างความนิ่งเชิงสถาบันที่จาตุรนต์ถนัด กับความคล่องตัวเชิงเศรษฐกิจที่จุลพันธ์โดดเด่น ผลลัพธ์จะกำหนดยุทธศาสตร์หาเสียงและสมการพันธมิตรสู่การเลือกตั้งครั้งหน้าโดยตรง


