posttoday

ศิโรตม์ ผ่าเกมการเมือง ภูมิใจไทย–กล้าธรรมเร่งดึงบ้านใหญ่สู่เลือกตั้ง

25 กันยายน 2568

ศิโรตม์วิเคราะห์ รัฐบาลอนุทินอยู่สั้นเพียงส่งไม้ต่อ ภูมิใจไทย กล้าธรรมเดินเกมบ้านใหญ่ รอวัดผลกันสุดท้ายในสนามเลือกตั้งจริง

KEY

POINTS

  • ศิโรตม์วิเคราะห์ว่ารัฐบาลชุดปัจจุบันมีแนวโน้มที่จะมีอายุสั้น และคาดว่าจะมีการยุบสภาในช่วงต้นปี 2569 เพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่
  • พรรคภูมิใจไทยและพรรคกล้าธรรมกำลังเร่งเตรียมพร้อมสู้ศึกเลือกตั้ง โดยใช้กลยุทธ์ดึง "บ้านใหญ่" หรือกลุ่มการเมืองท้องถิ่นเพื่อสร้างฐานคะแนนเสียง
  • การเคลื่อนไหวนี้เกิดขึ้นในขณะที่พรรคการเมืองใหญ่อย่างประชาธิปัตย์และเพื่อไทยกำลังอ่อนแอลง เปิดโอกาสให้ภูมิใจไทยและกล้าธรรมขยายอิทธิพลทางการเมือง

นโยบาย8หน้า รัฐบาลอนุทินอยู่สั้น ยุบสภาต้นปี69

รัฐบาลชุดใหม่ภายใต้การนำของ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี ได้ประกาศอย่างชัดเจนว่าจะมีการยุบสภาภายใน 4 เดือน เพื่อเปิดทางไปสู่การเลือกตั้งใหม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวย้ำประเด็นนี้แทบทุกวันในช่วงสัปดาห์แรกหลังเข้ารับตำแหน่ง ทำให้กลายเป็น “คำมั่นสัญญา” ที่ทั้งสังคมและฝ่ายการเมืองจับตา

ศิโรตม์มองว่า สัญญาณทั้งหมดบ่งชี้ว่ารัฐบาลนี้จะอยู่เพียงระยะสั้น ไม่ได้ถูกออกแบบมาเพื่อบริหารประเทศในระยะยาว โดยมีปัจจัยหลักดังนี้

นโยบายรัฐบาลเพียง 8 หน้า สะท้อนว่ารัฐบาลต้องการเพียงเอกสารเบื้องต้นเพื่อเข้าสู่กระบวนการตามรัฐธรรมนูญ มิใช่แผนแม่บทระยะยาว

การดึงเทคโนแครตเข้ามาแบบชั่วคราว นักวิชาการที่รัฐบาลเชิญมาหลายคนมีงานประจำในบริษัทเอกชนชั้นนำและพร้อมจะกลับไปตลอดเวลา แตกต่างจากยุค “สมคิด จตุศรีพิทักษ์” ที่เทคโนแครตเหล่านั้นเข้ามาเพื่อเล่นการเมืองเต็มตัว

การเมืองแบบตั้งรับ ไม่มุ่งสร้างภาพลักษณ์หรือแบรนด์ใหม่ แต่เน้นการประคับประคองเพื่อเดินไปสู่การยุบสภาอย่างสงบ

ศิโรตม์สรุปว่า หากไม่มี “อุบัติเหตุทางการเมือง” เช่น คดีความฉุกเฉิน ความขัดแย้งภายในรัฐบาล หรือวิกฤตเศรษฐกิจเฉียบพลัน รัฐบาลนี้ก็น่าจะไปตามโรดแมปที่นายกฯ ประกาศ คือยุบสภาในช่วงต้นปี 2569
 

ภูมิใจไทย -กล้าธรรม เร่งเกมดึงบ้านใหญ่สู่เลือกตั้ง   

สิ่งที่เห็นชัดคือ พรรคภูมิใจไทย (ภท.) และ พรรคกล้าธรรม (กธ.) กำลังเดินตามรอย “โมเดลไทยรักไทย” ของทักษิณในปี 2544 โดยอาศัยการดึงดูด “บ้านใหญ่” หรือกลุ่มการเมืองท้องถิ่นเข้ามาเป็นฐานคะแนน

แต่ความแตกต่างสำคัญคือยุคนี้ไม่ได้ใช้สูตร “ควบรวมยกพรรค” เช่นตอนที่ พล.อ.ชวลิต ยกพรรคความหวังใหม่เข้ารวมกับไทยรักไทย แต่เป็นยุทธวิธี “เจาะเป็นรายกลุ่ม–รายเครือข่าย” ทำให้การดูด สส. มีลักษณะกระจายตัว ไม่ใช่ยกก๊วนใหญ่แบบชัดเจน

ข้อสังเกตที่น่าสนใจคือ การจัดตั้งคณะรัฐมนตรีชุดแรกของรัฐบาลอนุทิน ซึ่งได้ตำแหน่ง ฟรีถึง 14 ที่นั่ง เนื่องจากฝ่ายค้านไม่เข้ามาแย่งชิง หากใช้โอกาสนี้แต่งตั้งคนมีคุณภาพสูงเข้ามาอาจสร้างแบรนด์ใหม่ให้ ภท. ได้ แต่กลับเลือกดึงบ้านใหญ่เกรด 2–3 จำนวนมาก เพื่อสร้างฐานการเลือกตั้งในอนาคต นี่คือ “โอกาสที่สูญเปล่า” ของภูมิใจไทย เพราะการเมืองยุคใหม่ ประชาชนต้องการคุณภาพ ไม่ใช่แค่โครงสร้างบ้านใหญ่

ขณะเดียวกัน พรรคกล้าธรรมก็พยายามใช้โมเดลเดียวกัน แต่ขนาดและพลังยังด้อยกว่าพรรคภูมิใจอย่างชัดเจน

สนามการเมืองภาคใต้ สมรภูมิพื้นที่ชิงคะแนนเสียง 

ภาคใต้เป็น “สมรภูมิใหญ่” ของการเมืองไทยในรอบนี้ เนื่องจากพรรคประชาธิปัตย์อ่อนแรงลงอย่างเห็นได้ชัด และพรรครวมไทยสร้างชาติก็หมดแรงขับเคลื่อนหลังเลือกตั้งที่ผ่านมา

ภูมิใจไทย: เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะบทบาทของ พิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรี ที่ขยายอิทธิพลจากกลุ่มจังหวัดอันดามันไปถึงฝั่งอ่าวไทย เช่น ชุมพร ภายในเวลา 6 ปี (2562–2568) ถือเป็น “ทรัพย์สินทางการเมือง” ที่สำคัญที่สุดของพรรค

กล้าธรรม : แม้จะเล็กกว่า แต่ก็มีโอกาสเจาะบางจังหวัด เช่น สงขลา ผ่านการเจรจาของแกนนำอย่าง “เสธหิ” ที่มีสายสัมพันธ์ในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง

ศึกภาคใต้รอบนี้ไม่ใช่การรักษาฐานเสียงของประชาธิปัตย์อีกต่อไป แต่เป็นการแข่งขันระหว่างภูมิใจไทยกับกล้าธรรม ใครจะสามารถใช้ “บ้านใหญ่ท้องถิ่น” ปักหมุดได้มากกว่า

วิกฤตภายในประชาธิปัตย์ และทางตันของเพื่อไทย

ประชาธิปัตย์ (ปชป.)

พรรคเก่าแก่ที่สุดในไทยกำลังเผชิญจุดเปลี่ยนสำคัญ การกลับมาของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ถูกมองว่าเป็น “ความหวังสุดท้าย” แต่ก็ยังไม่แน่ว่าจะกู้ศรัทธาได้จริง

เดชอิศม์ ขาวทอง (นายกฯชาย) มีข่าวลือว่าจะพาคนยกทีมย้ายไปกล้าธรรม แต่ยังโพสต์เฟซบุ๊กยืนยันว่ายังอยู่ ปชป.อย่างไรก็ตาม โอกาสขึ้นเป็นหัวหน้าพรรคแทบไม่มี เพราะไม่สามารถสร้างกระแสหรือเป็นแบรนด์พรรคได้

ความขัดแย้งในตรัง ระหว่าง สาธิต วงศ์หนองเตย กับสมชาย โล่ห์สถาพรพิพิธ (โกหนอ) สะท้อนปัญหา “พรรคเดียวกันคนละพวก” หากสาธิตกลับมา ปชป. อาจเสีย ส.ส. เขต 3 และ 4 ไปทันที

เพื่อไทย (พท.)

พรรคเพื่อไทยในวันนี้เผชิญ “โจทย์ที่ยากที่สุด”

บทบาททักษิณ: การถูกจำคุกทำให้พลังต่อรองของทักษิณลดลง และในบางแง่กลายเป็น “ภาระ” มากกว่าทรัพย์สินทางการเมือง

คะแนนสงสารไม่ทำงาน: การกลับไทยในปี 2568 ทำให้ได้คะแนนจากแฟนคลับเดิมเท่านั้น ไม่สามารถขยายฐานสู่คนกลางได้

การเมืองที่ถูกบีบ: เพื่อไทยไม่กล้าวิจารณ์ภูมิใจตรง ๆ เพราะกังวลคดีเก่าอย่าง “อัลไพน์” และที่สำคัญคือเก้าอี้รัฐมนตรียุติธรรมอยู่ในมือภูมิใจไทยซึ่งเชื่อมโยงกับความหวังการพักโทษทักษิณ

กลยุทธ์จำกัด: การหันไปโจมตีพรรคประชาชนว่าไม่กล้าตรวจสอบภูมิใจไทย แทนที่จะชนตรง ๆ

ภูมิใจไทย -กล้าธรรมคึกคักยังไม่ใช่ชัยชนะสนามเลือกตั้ง

ศิโรตม์ชี้ว่า ความเคลื่อนไหวของภูมิใจไทย และกล้าธรรม ในวันนี้ แม้ดูคึกคัก แต่ไม่ใช่หลักประกันชัยชนะการเลือกตั้ง การที่พรรคใหญ่กว่าอย่างเพื่อไทยและพรรคประชาชนมีปัญหาภายใน ทำให้สองพรรคนี้ดูแข็งแรงขึ้น

อย่างไรก็ตาม ผลเลือกตั้งจะถูกตัดสินในโค้งสุดท้าย โดยขึ้นอยู่กับ 3 ปัจจัยสำคัญ

  • แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ใครสามารถสร้างความเชื่อมั่นต่อสาธารณะ
  • นโยบายพรรค ที่จับต้องได้และตอบโจทย์เศรษฐกิจ
  • การดีเบต ที่จะสะท้อนภาพลักษณ์ผู้นำ

ท้ายที่สุด การรวมตัวของบ้านใหญ่ไม่ใช่คำตอบตลอดไป เพราะสังคมไทยกำลังตั้งคำถามมากขึ้นถึง “การเมืองแบบบ้านใหญ่” ที่มุ่งผลประโยชน์เฉพาะกลุ่มมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะ

ภาพการเมืองไทย หลังการมีรัฐบาลอนุทิน กำลังเคลื่อนไปสู่การเลือกตั้งใหม่ใน 4 เดือนอยู่เพื่อส่งไม้ต่อภูมิใจไทยและกล้าธรรมพยายามสร้างโมเดลแบบไทยรักไทยแต่สภาพสังคมไม่เหมือนเดิมพรรคประชาธิปัตย์และเพื่อไทยกำลังติดกับดักของตัวเอง และสุดท้ายผลจะถูกวัดในสนามเลือกตั้งจริง ไม่ใช่เพียงการโยกย้ายบ้านใหญ่

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด ฟูแล่ม พบ คริสตัล พาเลซ พรีเมียร์ลีก วันนี้ 7 ธ.ค.68