posttoday

เพื่อไทยแกล้งตาย รอวันลุก ศึกใหญ่สามก๊กการเมือง แดง ส้ม น้ำเงิน

11 กันยายน 2568

สามก๊กการเมืองกำลังเข้มข้น เพื่อไทยถอยชั่วคราวรอวันกลับมา ก้าวไกลยึดภาพลักษณ์ประชาธิปไตย ภูมิใจไทยกุมรัฐบาลเสียงข้างน้อย

KEY

POINTS

  • การเมืองไทยถูกเปรียบเทียบเป็นศึกสามก๊ก ประกอบด้วยก๊กสีแดง (พรรคเพื่อไทย), ก๊กสีส้ม (พรรคประชาชน) และก๊กสีน้ำเงิน (พรรคภูมิใจไทย)
  • พรรคเพื่อไทยใช้กลยุทธ์ "แกล้งตาย" คือยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้านชั่วคราว แต่ยังคงมีอิทธิพลและรอจังหวะกลับมามีอำนาจอีกครั้ง
  • รัฐบาลปัจจุบัน (ก๊กสีน้ำเงิน) มีความเปราะบางเนื่องจากมีเสียงในสภาน้อยกว่าฝ่ายค้าน (แดงและส้ม) รวมกัน ซึ่งอาจนำไปสู่การปะทะกันในประเด็นการแก้ไขรัฐธรรมนูญ

รายงานเชิงวิเคราะห์การเมืองไทย : “สามก๊ก – เพื่อไทยไม่ยอมตาย”

บทนำ : การเมืองไทยในยุคสามก๊ก

การเมืองไทยปี 2568 กำลังเดินเข้าสู่ห้วงเวลาที่สับสนและไม่แน่นอนอีกครั้ง ภายหลังการเปลี่ยนขั้วอำนาจกลางสภา ที่ทำให้ “พรรคเพื่อไทย” จากเดิมที่เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ต้องถอยไปนั่งเป็นฝ่ายค้านร่วมกับ “พรรคก้าวไกล” หรือพรรคประชาชน ขณะที่อำนาจบริหารถูกส่งต่อให้ “พรรคภูมิใจไทย” จับมือกับพรรคการเมืองสายอนุรักษ์นิยมและพรรคขนาดกลางเล็กจัดตั้งรัฐบาลผสมใหม่

ภาพรวมดังกล่าวถูกเปรียบเปรยกับ “สามก๊กการเมืองไทย” อันประกอบด้วย

  • ก๊กแดง พรรคเพื่อไทยและตระกูลชินวัตร
  • ก๊กส้ม พรรคก้าวไกล/พรรคประชาชน ที่เป็นพลังคนรุ่นใหม่
  • ก๊กน้ำเงิน รัฐบาลผสมที่มีภูมิใจไทยเป็นศูนย์กลาง

การต่อสู้ของสามก๊กนี้มิได้ต่างจากนิยายจีนโบราณ ที่เต็มไปด้วยการชิงไหวชิงพริบ การทรยศหักหลัง และการแกล้งตายเพื่อรอโอกาสกลับมาใหม่ คำกล่าวที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในเวลานี้คือ “แดงแกล้งตาย แม้วได้ใจ อิ๊งค์สั่งลุย” ซึ่งสะท้อนกลยุทธ์ของพรรคเพื่อไทยที่แม้จะเสียอำนาจบริหาร แต่ยังไม่หมดลมหายใจทางการเมือง
 

ฉากหลัง: การเมืองไทยในห้วงเปลี่ยนผ่าน

หากมองย้อนหลังสองทศวรรษ การเมืองไทยวนเวียนอยู่กับการขัดแย้งของขั้วการเมืองใหญ่ 2–3 กลุ่ม การขึ้นมาของทักษิณ ชินวัตร ตั้งแต่ปี 2544 ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการเมืองไทยอย่างสิ้นเชิง พรรคไทยรักไทยในอดีตและพรรคเพื่อไทยในปัจจุบันไม่เพียงแต่สร้างนโยบายที่จดจำได้ (เช่น 30 บาทรักษาทุกโรค, กองทุนหมู่บ้าน) แต่ยังสร้างฐานมวลชนที่เหนียวแน่น

แต่ความสำเร็จนั้นก็มาพร้อมกับแรงต้านจากชนชั้นนำ องค์กรอิสระ และกองทัพ ทำให้ทักษิณต้องลี้ภัยและถูกตัดสิทธิทางการเมืองยาวนาน กระทั่งการกลับมาครั้งล่าสุดของเขาแม้จะนำไปสู่การจำคุก แต่ก็กลายเป็นการกลับมาของ “สัญลักษณ์” ที่ยังไม่เสื่อมพลัง

ในอีกฟากหนึ่ง พรรคพรรคประชาชน ได้รับแรงส่งจากกระแสคนรุ่นใหม่ ความไม่พอใจต่อโครงสร้างอำนาจแบบเก่า และพลังโซเชียลมีเดีย ทำให้กลายเป็นพรรคอันดับต้น ๆ ในการเลือกตั้งที่ผ่านมา

ขณะที่พรรคภูมิใจไทย แม้ไม่ได้เป็นพรรคที่ชูอุดมการณ์เด่นชัด แต่ใช้กลยุทธ์ “ประนีประนอม–ต่อรองเก่ง” สร้างเครือข่ายกับพรรคขนาดกลางและเล็ก จนกลายเป็นก๊กน้ำเงินที่คุมอำนาจบริหารได้ในที่สุด

ก๊กสีแดง: เพื่อไทย “ไม่ตายง่าย ๆ”

การกลับมาของทักษิณ แม้ต้องใช้ชีวิตอยู่ในเรือนจำ แต่การส่งสัญญาณผ่านโพสต์ว่า “จะใช้เสรีภาพทางความคิด รับใช้ชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และประชาชน” ได้ตอกย้ำว่า ทักษิณยังเป็น “นายกรัฐมนตรีในใจ” ของมวลชนเสื้อแดงและฐานเสียงชนบทหลายภาค

บทบาทของแพทองธาร ชินวัตร (อุ๊งอิ๊งค์) ยังคงเป็นหัวหน้าพรรคที่สืบทอดเจตนารมณ์จากบิดา การเรียกประชุมพรรคเพื่อเตรียมเลือกตั้งครบ 400 เขตในวันเดียวกับที่ทักษิณเข้าสู่เรือนจำ

เป็นภาพเชิงสัญลักษณ์ที่ชัดเจนว่า ตระกูลชินวัตรยังไม่ถอยจากการเมือง

กลยุทธ์ “แกล้งตาย” การยอมถอยจากตำแหน่งบริหารรัฐบาลในระยะสั้น เป็นเพียงการจัดวางหมากเพื่อรอวันกลับมา พรรคเพื่อไทยพยายามสร้างภาพ “เราคือผู้เสียสละ” เพื่อดึงความเห็นใจจากประชาชน

โอกาสของเพื่อไทย

  • ฐานเสียงเก่าแก่และบ้านใหญ่ในต่างจังหวัด
  • ผลงานในอดีตที่ยังเป็นที่จดจำ
  • พลังบารมีและทุนการเมืองจากทักษิณ
  • ความท้าทายของเพื่อไทย
  • ภาพลักษณ์พรรคประชาธิปไตยถูกก้าวไกลกลืน
  • ผลงานรัฐบาลเพื่อไทยในยุคแพทองธารยังไม่เด่น
  • ความเสี่ยงที่ทักษิณอาจหมดไฟหากถูกจำกัดเสรีภาพนาน
  • ความกดดันให้พรรคปรับตัวสู่ “อนุรักษ์นิยมใหม่” แต่พื้นที่นี้กลับถูกภูมิใจไทยยึดครองไปแล้ว

ก๊กสีส้ม: ก้าวไกล/พรรคประชาชน “ขุมพลังฝ่ายใหม่”

ก้าวไกลเป็นพรรคที่สร้างพลังการเมืองบนฐานอุดมการณ์ชัดเจน “ปฏิรูปโครงสร้าง–ประชาธิปไตยเต็มใบ” การครองพื้นที่ของคนรุ่นใหม่ในเมืองและออนไลน์ทำให้ก้าวไกลกลายเป็นคู่แข่งที่น่ากลัวของเพื่อไทย

จุดแข็ง

  • ฐานเสียงคนรุ่นใหม่ที่เติบโตต่อเนื่อง
  • พลังโซเชียลมีเดีย
  • การสื่อสารเชิงอุดมการณ์ที่ชัดเจน

จุดอ่อน

  • แรงเสียดทานจากชนชั้นนำและองค์กรอิสระ
  • ความเสี่ยงทางกฎหมายที่อาจนำไปสู่การยุบพรรค
  • ข้อจำกัดในการเจาะฐานชนบทที่เพื่อไทยยังคงครองอยู่

ประชาชนกับเพื่อไทยจึงเป็นทั้ง “พันธมิตรฝ่ายค้าน” และ “คู่แข่งในสนามเลือกตั้ง” ไปพร้อมกัน

ก๊กสีน้ำเงิน: ภูมิใจไทยนำรัฐบาลผสม

การขึ้นมาเป็นรัฐบาลของภูมิใจไทยภายใต้การนำของนายอนุทิน สะท้อนศิลปะการประสานประโยชน์และการเจรจาต่อรอง พรรคไม่ได้มีอุดมการณ์เด่น แต่ใช้ยุทธวิธี “เก็บเล็กผสมน้อย” รวมพรรคขนาดกลางและเล็ก พร้อมพลัง ส.ว. มาหนุน

ว่าที่ครม.ชุดใหม่แบ่งเป็น 2 กลุ่ม

เด็ดดวง – บุคคลคุณภาพ เช่น ศุภจี สุธรรมพันธุ์, เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ, อรรถพล ฤกษ์พิบูลย์, บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ที่สร้างภาพว่ารัฐบาลนี้มีมืออาชีพเข้ามาช่วย

ห่วงใย – รัฐมนตรีที่มีประเด็นคลุมเครือ เช่น สุชาติ ชมกลิ่น หรือร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ที่ถูกตั้งคำถามเรื่องความเหมาะสม

จุดแข็งของภูมิใจไทย

  • การต่อรองที่เก่ง
  • การสร้างสมดุลระหว่างขั้วต่าง ๆ
  • เครือข่ายบ้านใหญ่ในหลายจังหวัด

จุดอ่อน

  • ภาพลักษณ์เรื่องคอร์รัปชันและผลประโยชน์ทับซ้อน
  • เสถียรภาพรัฐบาลที่ไม่มั่นคงเพราะ ส.ส.มีเสียงน้อยกว่าฝ่ายค้านรวมกัน
  • การขาดอุดมการณ์ทำให้ยากต่อการสร้างความศรัทธาระยะยาว

สมการเสียงในสภา: รัฐบาลเปราะบาง–ฝ่ายค้านยักษ์ใหญ่

แม้อนุทินจะเป็นนายกฯ แต่ความจริงคือ รัฐบาลมีเสียงในสภาน้อยกว่าฝ่ายค้านรวมกัน พรรคเพื่อไทย + ก้าวไกล รวมแล้วกว่า 280 เสียง ขณะที่พรรคร่วมรัฐบาลมีไม่ถึง 250 เสียง

นี่คือ “รัฐบาลเสียงข้างน้อยในทางปฏิบัติ” ที่อาจล้มครืนได้หากฝ่ายค้านจับมือกันจริง การผ่านกฎหมายสำคัญหรือแม้แต่การรักษาเสถียรภาพจึงเป็นเรื่องยาก

ศึกใหญ่รอบหน้า: การแก้รัฐธรรมนูญ

ประเด็นร้อนที่สุดคือการแก้รัฐธรรมนูญ ศาลรัฐธรรมนูญเพิ่งวินิจฉัยว่าต้องทำประชามติถึง 3 ครั้งเพื่อร่างใหม่ ซึ่งสร้างแรงกดดันต่อรัฐบาล

  • ฝ่ายค้าน (เพื่อไทย + ก้าวไกล) ต้องการเดินหน้าร่างใหม่อย่างจริงจัง
  • รัฐบาลภูมิใจไทย อาจพยายามถอยหรือดึงเวลาเพื่อรักษาอำนาจ
  • ศึกนี้จะเป็นสนามประลองกำลังรอบใหม่ ที่อาจทำให้ “สามก๊ก” ต้องปะทะกันโดยตรง

 ฉากทัศน์อนาคตการเมืองไทย

เพื่อไทยฟื้นคืนชีพ – ใช้ทุนทางการเมืองและบารมีทักษิณ ดึงฐานเสียงกลับมาจนสามารถกลับมาเป็นแกนนำรัฐบาล

ประชาชนขึ้นแท่นเบอร์หนึ่ง – หากเพื่อไทยไม่ปรับตัวและทักษิณหมดไฟ ฐานเสียงคนรุ่นใหม่จะผลักดันให้ก้าวไกลเป็นพรรคอันดับหนึ่ง

ภูมิใจไทยยื้อเวลา – รัฐบาลผสมใช้นโยบายปากท้อง + ระบบอุปถัมภ์ ซื้อเวลาไปได้อีกระยะ แม้จะเปราะบาง แต่ก็ยังยืนอยู่ได้

บทสรุป

การเมืองไทยต่อจากนี้ ไม่ต่างจากฉากนิยาย “สามก๊ก” ที่เต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมและการชิงอำนาจ พรรคเพื่อไทยแม้ถูกมองว่า “แกล้งตาย” แต่ยังไม่หมดอำนาจจริง เพราะยังมีบารมีทักษิณและเครือข่ายฐานเสียงอันเหนียวแน่น

คำถามใหญ่คือ พรรคเพื่อไทยจะปรับตัวได้หรือไม่ หากยังยืนอยู่กับความเป็นประชาธิปไตยแบบเดิม ก็อาจถูกพรรคประชาชนเบียดตกขอบ แต่ถ้าหันมาเป็น “อนุรักษ์นิยมใหม่” ก็ต้องแย่งพื้นที่จากพรรคภูมิใจไทยที่กำลังครองอยู่

ไม่ว่าฉากทัศน์จะเป็นเช่นไร หนทางข้างหน้าของการเมืองไทยยังคงวนเวียนอยู่กับเกมสามก๊ก ที่ไม่มีฝ่ายใดชนะเด็ดขาด และประชาชนคือผู้ที่ต้องรับผลลัพธ์ของการชิงอำนาจไม่รู้จบ.

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 8 ธ.ค. 68