ครม."เฉพาะกิจ" เดิมพันรัฐบาลแพทองธาร สู้ศึกปริ่มน้ำ-นิติสงคราม
จับตาปรับครม.แพทองธารครั้งสำคัญเพื่อสเถียรภาพรัฐบาล สร้างความมั่นคงระยะสั้น ในภารกิจเร่งด่วนปราบยาเสพติด-แก้หนี้ ท่ามกลางศึกหนักในสภาและปมกฎหมายรุมเร้า
ภาพรวมและวัตถุประสงค์ของการปรับ ครม.
การปรับ ครม. ครั้งนี้ถูกมองว่าเป็นการปรับครั้งสำคัญ โดยคาดว่าจะเป็นครั้งที่ 4 และอาจเป็นครั้งสุดท้ายของรัฐบาลชุดนี้ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในอนาคตอันใกล้ ท่ามกลางสถานการณ์ชุมนุมทางการเมือง
วัตถุประสงค์หลักของการปรับ ครม. คือการสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาลของ แพทองธาร ชินวัตร โดยมีการคาดการณ์ว่าจะมีการเพิ่มจำนวนเก้าอี้รัฐมนตรีให้กับพรรคร่วมรัฐบาลต่างๆ เช่น พรรคเพื่อไทยจาก 17 เป็น 20 ที่นั่ง, พรรครวมไทยสร้างชาติจาก 4 เป็น 5 ที่นั่ง, และพรรคประชาธิปัตย์จาก 2 เป็น 3 ที่นั่ง รวมถึงการจัดสรรเก้าอี้ให้กับพรรคเล็กอื่นๆ เพื่อรักษาเสียงข้างมากในสภา
ภารกิจสำคัญและประเด็นที่ถูกจับตา
หลังจากการปรับ ครม. คาดว่าจะมีภารกิจสำคัญหลายประการที่ต้องเร่งดำเนินการ
- การปราบปรามยาเสพติด: ถือเป็นวาระสำคัญที่นายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญเป็นพิเศษ
- การแก้ไขหนี้นอกระบบ: เป็นปัญหาเรื้อรังที่รัฐบาลชุดก่อนๆ พยายามแก้ไข และยังคงเป็นความท้าทาย
- การผลักดันกฎหมายสำคัญ: มีการพูดถึงความเป็นไปได้ในการผลักดันกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการพนันออนไลน์ถูกกฎหมาย และ พ.ร.บ. นิรโทษกรรม ซึ่งเป็นประเด็นอ่อนไหวและมีความเห็นแตกต่างกันในสังคม
ความท้าทายและการควบคุมกระทรวงมหาดไทย
หนึ่งในกระทรวงที่ถูกจับตามากที่สุดคือ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งพรรคเพื่อไทยตั้งเป้าหมายที่จะเข้าควบคุมอย่างเต็มที่ เนื่องจากกระทรวงนี้มีบทบาทสำคัญในการควบคุมกลไกการเลือกตั้งและเป็นฐานอำนาจในระยะยาว มีการคาดการณ์ว่าจะมีการโยกย้ายตำแหน่งสำคัญในกระทรวงเพื่อ "ล้างบาง" เครือข่ายเดิม และเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งหน้า
ปัจจัยเสี่ยงและสถานการณ์ทางการเมืองที่ต้องเผชิญ
รัฐบาลเฉพาะกิจชุดนี้ต้องเผชิญกับปัจจัยเสี่ยงและความท้าทายหลายด้าน ได้แก่
นิติสงคราม: คดีความต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับนายกรัฐมนตรีและรัฐบาล เช่น คดีที่ สว. ยื่นถอดถอนนายกรัฐมนตรี กรณีคลิปเสียง ซึ่งศาลรัฐธรรมนูญจะพิจารณาในวันที่ 1 กรกฎาคมนี้ นอกจากนี้ยังมีคดีที่เกี่ยวข้องกับมาตรา 144 (การแปรญัตติงบประมาณ)
เสถียรภาพในสภา: รัฐบาลมีเสียงปริ่มน้ำ ซึ่งหมายความว่ามีเสียงเกินกึ่งหนึ่งมาไม่มากนัก (ประมาณ 14 เสียง) ทำให้มีความเสี่ยงในการผ่านกฎหมายและการเผชิญกับการอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน โดยเฉพาะพรรคภูมิใจไทยที่เตรียมยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
สถานการณ์ชายแดนและความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ: ความตึงเครียดกับกัมพูชาและประเด็นการปลุกกระแสชาตินิยมของทั้งสองฝ่าย
การปรับ ครม. ครั้งนี้เป็นการเดิมพันที่สำคัญของรัฐบาลเพื่อสร้างความมั่นคงในระยะสั้น ท่ามกลางความท้าทายทั้งในด้านกฎหมาย การเมือง และสังคม ซึ่งล้วนส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลชุดปัจจุบัน


