posttoday

บทเรียน สามปี แห่งการเปลี่ยนผู้นำ กับการทุบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

07 ธันวาคม 2568

บทเรียนจากสามปีแห่งการเปลี่ยนผู้นำ ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพื่อเดินหน้า แต่คือ “การทุบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการบริหารแบบซ้ำ ๆ”

สามปีที่ผ่านมา ประเทศไทยเดินทางมาถึงจุดที่ไม่มีใครอยากยอมรับ แต่ทุกคนรู้ในใจดีว่าเป็นความจริง การเปลี่ยนตัวผู้นำจาก เศรษฐา สู่ แพทองธาร และ อนุทิน ในปัจจุบัน ไม่ใช่เพียงการเมืองเปลี่ยนมือ  ไม่ใช่การเปลี่ยนแปลงเพื่อเดินหน้า แต่คือ “การทุบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจและการบริหารแบบซ้ำ ๆ” จนกลายเป็นวัฏจักรแห่งความเปราะบาง ที่เกิดขึ้นถี่ จนกลายเป็นโครงสร้างปกติใหม่ของการเมืองไทย และมันกำลังกัดกินอนาคตของประเทศทั้งใบ

“เมื่อการเมืองไทยเดินด้วยคณิตศาสตร์ของผลประโยชน์ ศรัทธาจึงหายไปเร็วกว่าความสามารถของผู้นำ”

ทุกครั้งที่กราฟความเชื่อมั่นลดลง รัฐบาลไทยกลับเลือกเครื่องมือที่ง่ายที่สุด ไม่ใช่คืนอำนาจให้ประชาชน แต่คือ เปลี่ยนนายกฯใหม่ เพื่อยืดอายุอำนาจ โดยไม่ต้องวัดเสียงประชาชนจริง ๆ การเมืองที่ไม่ได้ยึดตามครรลองประชาธิปไตย แต่สร้างทางเดินเด้วย

คณิตศาสตร์แห่งผลประโยชน์ทางอำนาจ เพราะในวันที่ศรัทธาต่ำที่สุด ไม่มีรัฐบาลไหนกล้ากดปุ่มยุบสภา แม้มันคือหน้าที่ แม้มันคือความชอบธรรม แม้มันคือสิ่งที่ประเทศต้องการ ผลลัพธ์ คือ ความจริงที่น่าเจ็บปวด  “ประชาชนไม่ได้เป็นผู้เลือกเลยว่าประเทศควรเดินต่ออย่างไร”

เปลี่ยนนายกฯ แทนยุบสภา = การบริหารประเทศแบบ “รัฐบาลชั่วคราวถาวร”

การเมืองที่ใช้การ “เปลี่ยนตัวนายก” แทนการยุบสภา ไม่ใช่ความยืดหยุ่น แต่คือ กลไกเลี่ยงความรับผิดชอบทางการเมืองผลลัพธ์จึงไม่ใช่แค่ผู้นำใหม่ แต่คือประเทศที่อยู่ในสถานะ “กึ่งสุญญากาศ” ตลอดเวลา ไม่ว่าผู้นำคนไหนขึ้นมา ก็อยู่ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน “ไม่มั่นคง ไม่แน่นอน ไม่มีเวลาพอ”

ต้องทำงานเหมือน “รักษาการ” แม้จะเป็นนายกฯ อย่างสมบูรณ์ตามกฎหมาย เพราะการเป็นแค่ตัวเลือกชั่วคราว ที่ถูกดันขึ้นมาเพื่อประคองอำนาจทางการเมือง มากกว่าขับเคลื่อนประเทศจริง ๆสุญญากาศทางนโยบาย จึงไม่ใช่อุบัติเหตุ แต่เป็นผลลัพธ์โดยตรงของการหลีกเลี่ยงยุบสภา

ทุกครั้งที่เปลี่ยนนายก ประเทศจะหยุดชะงักทันที

“ นโยบายหยุด งบประมาณหยุด รัฐบาลใหม่รอจัด ครม. ข้าราชการรอดูนโยบาย นักลงทุนรอดูทิศทาง”

นี่คือ สุญญากาศทางนโยบาย “Policy Vacuum” ซึ่งร้ายแรงอย่างมากสำหรับการพัฒนาอนาคตของประเทศ เพราะเศรษฐกิจไม่ได้ชะลอแบบทันทีทันใด แต่มันชะลอ แบบสะสม และสะสมจน Output Gap ติดลบเชิงโครงสร้าง เพราะประเทศไม่เคยได้โอกาส “วิ่งยาว” ประเทศไทยจึงเหมือนนักวิ่งผลัดที่ยังไม่ทันเร่งสปีด ก็ต้องชะลอเพื่อส่งไม้ต่อ 

บทเรียน สามปี แห่งการเปลี่ยนผู้นำ กับการทุบเสถียรภาพทางเศรษฐกิจ

การให้ประชาชนเป็นผู้เลือกเส้นทางใหม่ของประเทศ คือการหยุดวัฏจักร “รัฐบาลชั่วคราวถาวร” 

“เพราะผลลัพธ์ของการเมืองต้องมาจากประชาชน ไม่ใช่การรอจังหวะทางอำนาจ”

ข่าวล่าสุด

ไทย-กัมพูชาบนเส้นปะทะใหม่ ยุทธการเขย่าความมั่นคงภูมิภาค