posttoday

นักการเมืองไทยกับการมุ่งหาผลประโยชน์ภายใต้วงจรคอร์รัปชั่น

18 สิงหาคม 2568

การคอร์รัปชั่นไทยลุกลามจากการเมืองสู่ธุรกิจสีเทา ขยายอิทธิพลข้ามชาติ จนปะทุเป็นวิกฤติการเมืองครั้งใหญ่ รอศาลชี้ชะตา 29 ส.ค.นี้

นักการเมืองไทยกับการมุ่งหาผลประโยชน์ภายใต้วงจรคอร์รัปชั่น

เราคนไทยจะได้ยินได้ฟังเรื่องการทุจริตคอร์รัปชั่นของข้าราชการและนักการเมืองที่บริหารบ้านเมืองแทบทุกรัฐบาลมาจนชาชินกันแล้ว เรื่องนี้เป็นที่สุดของรากเหง้าที่ฉุดรั้งความเจริญก้าวหน้าของประเทศชาติอย่างแสนสาหัสมานาน เริ่มต้นมาจากรูปแบบการคอร์รัปชั่นธรรมดาๆ ด้วยการโกงผ่านวิธีการจัดซื้อจัดจ้างแล้ว   ส่งส่วยให้นักการเมือง ด้วยการส่งเป็นเงินสดใส่กระเป๋าเจมส์บอนด์จนถึงยัดเงินใส่ตู้เย็นเป็นลูกๆ

พัฒนาการของการคอร์รัปชั่นของไทยที่ทันสมัยเร็วกว่าการพัฒนาประเทศ

การคอร์รัปชั่นในประเทศไทยเรา อย่างที่รู้กันดีอยู่แล้วว่ามาจากการปกครองประเทศตามระบอบประชาธิปไตยด้วยการเลือกตั้งตามแนวทางของชาติตะวันตก แต่แทนที่การทุจริตคอร์รัปชั่นจะหายไป กลับเพิ่มกลไกของพรรคการเมืองที่จำเป็นต้องหาเงินมาซื้อเสียงและซื้อตัวผู้แทนหรือสส. ท้องถิ่นที่เป็นนักเลือกตั้งมาอยู่ร่วมพรรค เพื่อสร้างความเป็นใหญ่และอำนาจในการบริหารประเทศ

แม้จะมีการปฏิวัติรัฐประหารและมีการแก้ไขรัฐธรรมนูญในหลายช่วงของการปกครอง แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำลายล้างกระบวนการคอร์รัปชั่นของประเทศให้หมดไปได้ ตรงกันข้ามในยุคที่โทรศัพท์มือถือและระบบ IT เบ่งบานกับกลายเป็นการขยายวงของการประพฤติชั่วของข้าราชการและนักการเมืองไทยให้ขยายออกไปในประเทศเพื่อนบ้านอีกด้วย โดยเฉพาะในประเทศเมียนมา และกัมพูชา

การพัฒนาของการคอร์รัปชั่นในประเทศไทยแบบธรรมดา ได้แผ่วงกว้างไปถึงธุรกิจสีเทาทั้งหลาย ตั้งแต่บ่อนคาสิโนไปจนถึงธุรกิจสีดำ เช่น การพนันออนไลน์ คอลเซ็นเตอร์ ขณะที่ธุรกิจมืดเก่าแก่ เช่น การค้ายาเสพติด การค้ามนุษย์ ที่รัฐบาลพยายามปราบปรามก็เป็นเรื่องที่ยิ่งปราบยิ่งมากทั้งในประเทศเราเองและประเทศเพื่อนบ้าน

การสะดุดและชะงักงันของกระบวนการคอร์รัปชั่นหลังเลือกตั้งครั้งล่าสุด เมื่อ 14 พฤษภาคม 2566

การสะดุดและชะงักงันของการคอร์รัปชั่นของไทยไม่ได้เกิดจากการปราบปรามหรือการริเริ่มของรัฐบาลไทยแต่อย่างใด แต่หลังจากการเลือกตั้งใหญ่ไม่นาน ทางรัฐบาลจีนซึ่งทนให้ประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างประเทศเมียนมาปล่อยให้มีการตั้งศูนย์ทำเรื่องคอลเซ็นเตอร์ลุกลามถึงประเทศจีนอย่างสนุกสนานไม่ได้ จึงได้ขอให้ไทยช่วยร่วมมือปราบปรามให้หมดไปด้วย โดยทางการจีนได้ส่งเจ้าหน้าที่และนักการเมืองระดับสูงเข้ามาดูแลการปฏิบัติการในประเทศไทยเราอย่างใกล้ชิด

จากนั้นคนไทยก็ได้เห็นการสะดุดและชะงักงันของธุรกิจสีเทาและสีดำทั้งในประเทศเมียนมาและประเทศกัมพูชา และเราก็ได้รู้แจ้งเห็นชัดกันว่า ที่แท้การเบ่งบานของธุรกิจการเงินจำนวนมากเหล่านั้นในประเทศเพื่อนบ้าน มันมาจากการสนับสนุนของข้าราชการและนักการเมืองของไทยเป็นหลัก มันเกิดจากการวางเฉยของนักการเมืองไทยมานาน เพราะเหตุใดคงไม่จำเป็นต้องสาธยายกันอีกแล้ว

อาการฝีแตกของการร่วมมือสนับสนุนธุรกิจสีเทาและสีดำข้ามแดน

อาการนี้ได้เกิดให้ผู้คนและสื่อไทยเห็นชัดจากการปรับเปลี่ยนจุดยืนของความร่วมมือระหว่างประเทศไทยและกัมพูชา มาจากการออกอาการหักดิบเล่นงานนักการเมืองไทยโดยสมเด็จฮุนเซน ผู้นำที่คร่ำหวอดของกัมพูชาที่สนิทสนมกับอดีตท่านนายกผู้ยิ่งใหญ่ของไทย เริ่มจากการเปิดเผยคลิปสนทนาทางโทรศัพท์ข้ามประเทศกับนายกรัฐมนตรีของไทยเมื่อวันที่ 18 มิถุนายน เร็วๆนี้ กระทั่งถึงขั้นมีการก่อสงครามชายแดนระหว่างประเทศกัมพูชากับไทย จนเราได้เห็นทหารไทยได้ปฏิบัติการรบที่ห้าวหาญและรอบคอบ สามารถปกป้องทั้งประชาชนคนไทยและอธิปไตยของชาติ สมกับเป็นรั้วของชาติอย่างแท้จริง

กล่าวได้ว่าประชาชนคนไทยได้เห็นทหารไทยทำหน้าที่นี้อย่างแท้จริงเป็นครั้งแรกในช่วงกว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา จนมีการสำนึกและตระหนักของคนไทยทั้งประเทศถึงความสำคัญของทหารอย่างไม่เคยเห็น  ลบล้างความเห็นที่เคยดูถูกดูแคลนการเล่นบทบาทการเมืองของทหารในอดีตให้ลดลงได้มาก

เรื่องฝีแตกนี้ได้บานปลายและส่งผลให้ท่านนายกรัฐมนตรีแพรทองธาร ชินวัตร ของไทยถูกกล่าวหาในข้อหาที่ร้ายแรง จนถูกคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญให้ยุติการปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 1 กรกฎาคม 2568 และต้องรอคำตัดสินให้เป็นที่สุดที่กำหนดไว้ในไม่กี่วันข้างหน้า เป็นวันที่ 29 สิงหาคม ศกนี้ แล้วอะไรจะเกิดขึ้นกับประเทศที่ตกอยู่ระหว่างเขาควายทมิฬก็ขอให้ทนรอไปอีกไม่กี่วันข้างหน้า ตอนนี้อย่าเพิ่งทำตัวเป็นตุลาการ

คงไม่ใช่เป็นเรื่องคว่ำตายหงายเป็นอย่างธรรมดา เพราะหากศาลท่านพิพากษาให้ท่านนายกรัฐมนตรีคนเดิมที่เข้าใจว่าประชาชนส่วนใหญ่ไม่มีศรัทธาจะให้อยู่ต่อ ประเทศและคนไทยจะอยู่อย่างปกติสุขได้หรือ และหากผลการตัดสินของศาลรัฐธรรมนูญเห็นว่าท่านต้องพ้นจากตำแหน่ง ก็มีผู้รู้หลายต่อหลายคนเห็นว่าปัญหาของอาการป่วยไข้ของประเทศก็จะยังมองไม่เห็นแสงสว่างที่ปากอุโมงค์อยู่ดี

ตามรัฐธรรมนูญฉบับรุ่งริ่งในปัจจุบันนี้จะยังคงมีรูปทรงของสภาผู้แทนที่ยังมีอายุถึงประมาณ 2 ปี แล้วสภาที่ทรงเกียรตินี้จะมีปัญญาเลือกนายกรัฐมนตรีของประเทศคนใหม่และคณะรัฐมนตรีใหม่ที่น่าศรัทธาของประชาชนได้หรือ ถ้าได้ก็คงออกมาแบบคนป่วยที่มีแต่สายช่วยหายใจระโยงระยางเต็มไปหมด

ณ วันนี้คนไทยที่รักชาติทั้งหลายคงคิดเหมือนกัน และคงมีความกังวลเหมือนกันว่า นับจากวันที่ 29 สิงหาคม นี้ เป็นต้นไป นักการเมืองไทยจะเปลี่ยนเป็นนักการเมืองที่ไม่จ้องหาแต่ผลประโยชน์จากชาติ แต่จะมุ่งทำงานเพื่อชาติจริงๆ อย่างที่ทหารหาญของไทยได้กระทำให้เห็นได้หรือไม่

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68