posttoday

หลีกเลี่ยงด่วน! ออกหรือรับ “ใบกำกับภาษีปลอม” เสี่ยงทั้งคู่

25 มิถุนายน 2568

หลีกเลี่ยงใบกำกับภาษีปลอม! ทั้งผู้ให้และผู้รับมีสิทธิ์โดนโทษหนัก เตือนผู้ประกอบการที่จด VAT ให้เข้าใจหลักเกณฑ์อย่างถ่องแท้ เพื่อไม่ให้พลาดพลั้งติดกับดักกฎหมาย

เมื่อผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT)  ได้เข้าสู่ระบบภาษีมูลค่าเพิ่มอย่างถูกต้องแล้ว จะมีหน้าที่ในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% จากผู้ซื้อ พร้อมทั้งต้องออกใบกำกับภาษีทุกครั้งที่มีการขายสินค้า บริการ และส่งมอบใบกำกับภาษีนั้นให้กับผู้ซื้อเพื่อใช้ประโยชน์ทางภาษีได้ อีกทั้งผู้ประกอบการยังต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่ม 7% ดังกล่าวต่อกรมสรรพากรผ่านแบบ ภ.พ.30 เป็นประจำ

ในทางกลับกันหากผู้ประกอบการยังไม่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม จะไม่มีสิทธิ์ในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มจากผู้ซื้อ และไม่สามารถออกใบกำกับภาษีได้อย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งนี้ควรทำความเข้าใจเกี่ยวกับหลักเกณฑ์ วิธีการ และคุณสมบัติของบุคคลหรือกิจการที่มีสิทธิ์ออกใบกำกับภาษี ตลอดจนผลเสียและโทษทางกฎหมายที่อาจเกิดขึ้นจากการออกใบกำกับภาษีปลอม หรือการนำใบกำกับภาษีปลอมไปใช้ประโยชน์ทางภาษี สามารถอธิบายได้ดังนี้

มาทำความรู้จักกับใบกำกับภาษี

ผู้ประกอบการที่มีรายได้จากการดำเนินธุรกิจเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี มีหน้าที่ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มภายใน 30 วัน นับจากวันที่มีรายได้เกินเกณฑ์ เมื่อจดทะเบียนแล้ว ต้องออกใบกำกับภาษี (Tax Invoice) ให้แก่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการทันทีทุกครั้งที่มีการขายสินค้าหรือให้บริการที่มีภาระภาษีมูลค่าเพิ่ม เพื่อแสดงมูลค่าของสินค้า/บริการ และจำนวนภาษีที่เรียกเก็บ จากนั้นต้องยื่นแบบแสดงภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.30) ต่อกรมสรรพากรภายในวันที่ 15 ของเดือนถัดไป พร้อมเก็บรักษาเอกสารใบกำกับภาษี และรายงานภาษีซื้อ-ภาษีขายไว้เป็นหลักฐาน

ผู้ที่สามารถออกใบกำกับภาษีได้

ผู้ที่สามารถออกใบกำกับภาษีให้แก่ผู้ซื้อได้ ต้องเป็นผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม และอยู่ภายใต้อัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม 0% หรือ 7% เท่านั้น กรณีกิจการที่ได้รับการยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะไม่มีสิทธิในการออกใบกำกับภาษี

ทั้งนี้การออกใบกำกับภาษีจะต้องเป็นการออกโดยผู้ประกอบการที่ได้จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มและได้มีการขายสินค้าหรือให้บริการจริงแก่ผู้ซื้อหรือผู้รับบริการ ไม่สามารถออกใบกำกับภาษีให้กับบุคคลอื่นที่ไม่เกี่ยวข้องได้

การออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิตามกฎหมาย

เป็นที่ทราบกันดีว่าใบกำกับภาษีสามารถออกได้เฉพาะผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มเท่านั้น ดังนั้นหากผู้ซื้อสินค้าและบริการได้รับใบกำกับภาษีและประสงค์จะนำภาษีซื้อตามใบกำกับภาษีดังกล่าวมาคำนวณภาษีมูลค่าเพิ่ม ผู้ที่ออกใบกำกับภาษีนั้นจะต้องเป็นผู้มีสิทธิออกใบกำกับภาษีตามกฎหมาย โดยบุคคลที่ไม่มีสิทธิออกใบกำกับภาษี คือ

  1. บุคคลที่ไม่ได้จดทะเบียนเป็นผู้ประกอบการภาษีมูลค่าเพิ่ม (ตามมาตรา 86/13)
  2. ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่อยู่ต่างประเทศ ซึ่งมอบหมายให้ตัวแทนในประเทศไทยออกใบกำกับภาษีแทน (ตามมาตรา 86/1(1) และ 86/2)
  3. ผู้ประกอบการที่ทรัพย์สินถูกขายทอดตลาดหรือขายโดยบุคคลอื่นตามมาตรา 83/5 (ตามมาตรา 86/1(2))
  4. ผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มที่ได้รับการยกเว้นตามพระราชกฤษฎีกาที่ออกตามมาตรา 83/6(3)
  5. ผู้ประกอบการที่ไม่มีการขายสินค้าหรือให้บริการจริง แต่กลับออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิ

บทลงโทษทางกฎหมายกรณีการออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิและการใช้ใบกำกับภาษีปลอม

บทลงโทษทางกฎหมายในกรณี การออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิ และ การใช้ใบกำกับภาษีปลอม มีทั้งโทษทางอาญาและทางแพ่งตามประมวลรัษฎากร และกฎหมายที่ เกี่ยวข้อง สามารถอธิบายได้ดังนี้ดังนี้

  1. การออกใบกำกับภาษีโดยไม่มีสิทธิ (มาตรา 86/13 แห่งประมวลรัษฎากร)

      เป็นการออกใบกำกับภาษีโดยบุคคลที่ไม่มีหน้าที่ออก เช่น ไม่ได้เป็นผู้ประกอบการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ไม่มีการขายสินค้าหรือบริการจริง หรือออกเพื่อให้ผู้อื่นนำไปหักภาษีหรือขอคืนภาษี

      บทลงโทษตาม มาตรา 86/14 แห่งประมวลรัษฎากร คือ ปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือจำคุกไม่เกิน 7 ปี หรือ ทั้งจำทั้งปรับ 

  1. การใช้ใบกำกับภาษีปลอม (มาตรา 86/13, 86/14 และ 90/4)  

      การใช้ใบกำกับภาษีที่ปลอมแปลง ไม่ว่าจะปลอมลายมือชื่อ ปลอมชื่อผู้ขาย ปลอมเลขประจำตัวผู้เสียภาษี หรือใช้ใบกำกับที่รู้ว่าเป็นเท็จ เพื่อหักหรือขอคืนภาษี

      บทลงโทษตามมาตรา 90/4 แห่งประมวลรัษฎากร คือ จำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 7 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 ถึง 200,000 บาท  

      นอกจากนี้หากการกระทำดังกล่าวเป็นการหลีกเลี่ยงภาษีโดยเจตนา อาจเข้าข่ายความผิดฐานฉ้อโกงตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 341 หรือ 265 อาจมีโทษจำคุกสูงขึ้น และถูกเรียกเก็บภาษีย้อนหลังพร้อมเบี้ยปรับ 2 เท่า และเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือน        

กล่าวโดยสรุป ไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการหรือผู้ซื้อ ต่างก็ต้องตรวจสอบให้รอบคอบก่อนการซื้อขายสินค้าและบริการทุกครั้ง โดยผู้ประกอบการควรมั่นใจว่ากิจการของตนมีสิทธิ์ในการเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) 7% และสามารถออกใบกำกับภาษีได้อย่างถูกต้อง ขณะที่ผู้ซื้อก็ควรตรวจสอบว่าได้รับใบกำกับภาษีที่ถูกต้องจากผู้ประกอบการที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจริง เพราะหากเผลอนำใบกำกับภาษีปลอมไปใช้เพื่อประโยชน์ทางภาษี อาจมีความเสี่ยงทำผิดกฎหมายโดยไม่เจตนา

อ่านบทความเพิ่มเติมได้ที่  Inflow Accounting

ข่าวล่าสุด

อัปเดต! เลือกตั้งล่วงหน้าวิธีลงทะเบียน-ใช้สิทธิ์ 3 ช่องทาง