posttoday

เบื้องหลังลดค่าไฟ คือกลไกที่ กกพ.วางระบบ หาใช่ผลงานของ รมต.

19 พฤษภาคม 2568

ที่มาค่าไฟฟ้าที่ลดลง จาก 4.77 บาทในปี 2566 เหลือ 3.98 บาท ลดลงเพราะต้นทุนลด และการบริหารจัดการของ กกพ.-ข้าราชการกระทรวงพลังงาน ผู้อยู่เบื้องหลัง หาใช่ผลงานของรมต.

ค่าไฟฟ้าที่ลดลงจากหน่วยละ 4.77 บาท เมื่อปลายปี 2566  เหลือหน่วยละ 3.98 บาทในปัจจุบัน  ซึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  ประกาศเป็นผลงานของตัวเอง อ้างว่า เป็นเพราะการบริหารจัดการของตน จึงทำให้คนไทยลดค่าไฟฟ้าได้ถึง 2.7 แสนล้านบาท โดยไม่พูดถึงที่มาที่ไป เหตุปัจจัยต่างๆ ที่ทำให้ค่าไฟฟ้าลดลงมา ในความเป็นจริง ไม่ว่าใครมาเป็นรัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ค่าไฟฟ้าก็ลดอยู่แล้ว

ค่าไฟของไทยใช้ระบบสะท้อนต้นทุน เพื่อให้ผู้ใช้ไฟตระหนักถึงการใช้พลังงานอย่างรู้คุณค่า ไม่ให้ใช้อย่างสิ้นเปลือง ฟุ่มเฟือย 

 ยังมีกลไกที่ให้ คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงานใช้เป็นเครื่องมือบริหารจัดการไม่ให้ราคาค่าไฟเกิดการเปลี่ยนแปลงฉับพลัน โดยให้ค่อยๆปรับขึ้นหรือปรับลงอย่างค่อยเป็นค่อยไป หรือแม้แต่ให้มีเสถียรภาพ เพราะค่าไฟเป็นค่าใช้จ่ายพื้นฐานของประชาชนและภาคอุตสาหกรรม

ดังนั้น หากไม่มีสถานการณ์พิเศษใดๆ ค่าไฟทุกๆ 4 เดือนจะเปลี่ยนแปลงไปตามต้นทุนจริงที่เกิดขึ้น เช่น ราคาก๊าซ ราคาถ่านหิน อัตราแลกเปลี่ยน ซึ่งเป็นปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ ถึงแม้จะไม่มีใครทำอะไรเลย ค่าไฟก็ลดลงได้ โดยไม่ต้องใช้ความสามารถอะไรเลย

ค่าไฟฟ้าที่ลดลงมาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2566 จนถึงปัจจุบัน นอกจากต้นทุนเชื้อเพลิงที่ลดลง ค่าบาทที่อ่อนตัวลง ยังเป็นเพราะ การทำงานของข้าราชการกระทรวงพลังงาน ร่วมกับผู้บริหาร เจ้าหน้าที่ สำนักงาน กกพ. และ กฟผ.ที่อยู่เบื้องหลัง ไม่ใช่แค่ฝีมือของรัฐมนตรี

ค่าไฟฟ้าเดือน พ.ค.-ส.ค. 2566 หน่วยละ 4.77 บาท งวดถัดไปคือ ก.ย.-ธ.ค. ลดลงมาเหลือหน่วยละ 3.99 บาทต่อหน่วย วิธีการคือ

งดคืนหนี้ค่า เอฟทีสะสม ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต (กฟผ.)

ตรึงราคาก๊าซธรรมชาติ ที่ใช้ผลิตไฟฟ้า โดยให้ ปตท. และ กฟผ. รับภาระส่วนต่าง ซึ่งเป็นเรื่องที่ข้าราชการทำกันเอง ไม่เกี่ยวกับ รัฐมนตรี

เดือน ม.ค.-เม.ย. 67 ค่าไฟฟ้าเพิ่มเป็นหน่วยละ 4.18 บาท ซึ่งน้อยกว่าราคาที่ควรจะเป็น เพราะก๊าซธรรมชาติแพงขึ้น โดยค่าไฟที่ลดลงมาจาก 

งดคืนหนี้ กฟผ.

งดคืนหนี้ ปตท.

⁠spot LNG ถูกลง

ทำ single pool ทำให้ราคาแก๊สที่ใช้ผลิตไฟฟ้าลดลง ซึ่ง กกพ. และกระทรวงพลังงาน ทำไว้ตั้งแต่ก่อนนายพีระพันธุ์จะมาป็นรัฐมนตรี

ยึดเงิน shortfall 4,300 ล้านบาทจาก ปตท. เงิน short fall คือเงินที่ผู้ผลิตก๊าซอ่าวไทยต้องจ่ายให้ ปตท.เพราะไม่สามารถผลิตก๊าซได้ตามสัญญาในช่วงปี 2563 -2565 โดยการนำเงิน shortfall มาลดค่าไฟ เป็นการดำเนินการของ กกพ. 

เดือน พ.ค.-ส.ค. 67 และ ก.ย.-ธ.ค. 67 ค่าไฟฟ้าคงที่ 4.18 บาท แม้ต้นทุนก๊าซจะถูกลง แต่มีการคืนหนี้ กฟผ.บ้าง ส่วนหนี้  ปตท.ยังไม่คืน

เดือน ม.ค.-เม.ย.68 ค่าไฟลด 3 สตางค์ เหลือหน่วยละ 4.15 บาท โดยคืนหนี้ กฟผ. น้อยลงจาก

งวดก่อน หน่วยละ 3 สตางค์

เดือน พ.ค.-ส.ค. 68 ค่าไฟฟ้า ลดเหลือ 3.98 บาท  โดย กกพ ใช้เงิน claw back 12,000 ล้านบาท ที่ 3 การไฟฟ้าเพิ่งส่งคืนมา มาอุดหนุนค่าไฟฟ้า

นี่คือไส้ในของค่าไฟฟ้าที่ลดลงจาก หน่วยละ 4.77 บาท ในเดือน ส.ค. 2567 มาเหลือ 3.98 บาท ในปัจจุบันซึ่งจะเห็นได้ว่า เป็นการทำงานของ กกพ. และข้าราชการกระทรวงพลังงาน ที่ใช้กลไกที่มีอยู่แล้ว มาบริหารจัดการค่าไฟฟ้า เป็นผู้อยู่เบื้องหลังค่าไฟฟ้าที่ลดลง