posttoday

พิสูจน์ "ตลาดหุ้นฮ่องกง" น่าลงทุนไหม ?

14 เมษายน 2567

ใครที่กำลังมองหาการลงทุนในตลาดหุ้นฮ่องกง ผ่านการลงทุนในตราสารแสดงสิทธิการฝากหลักทรัพย์ต่างประเทศ หรือ Depositary Receipt (DR) บล.บัวหลวงจะมาสรุปไฮไลท์สำคัญให้ได้อ่านกัน เพื่อให้นักลงทุนทุกท่านได้นำข้อมูลไปวิเคราะห์ต่อยอดการลงทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพต่อไป

     ปัจจุบันดัชนี Hang Seng อยู่ในช่วงตลาดหมี ซึ่งอาจแตะจุดต่ำสุดในช่วงต้นปี 2567 จากความเคลื่อนไหวของดัชนีที่มีความคล้ายคลึงกับช่วงปี 2543 -2546 อีกทั้งมูลค่าของดัชนี Hang Seng อยู่ในระดับที่ถูก ใกล้เคียงกับระดับในช่วงที่เกิดโควิด-19 และจากสถิติที่ผ่านมา ดัชนี Hang Seng มักฟื้นตัวเมื่อ Dividend yield ขึ้นมาแตะระดับ 4.5%

     Hang Seng Index PE Ratio

พิสูจน์ \"ตลาดหุ้นฮ่องกง\" น่าลงทุนไหม ?      ในด้านภาพรวมเศรษฐกิจจีน ปัจจุบันเริ่มส่งสัญญาณฟื้นตัว หลังจากชะลอตัวในช่วงที่ผ่านมา อย่างไรก็ดีแม้ว่าจะเติบโตในอัตราที่ชะลอตัวลงเมื่อเทียบกับในอดีต แต่ยังคงเป็นอัตราที่สูงเมื่อเทียบกับประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใกล้เคียงกัน ปัจจุบันรัฐบาลจีนได้ใช้นโยบายผ่อนคลายอย่างต่อเนื่องเพื่อสนับสนุนและกระตุ้นเศรษฐกิจ 

     อีกทั้งจีนก็กำลังขับเคลื่อนสู่อุตสาหกรรมยุคใหม่ ทำให้หลายภาคส่วนขยายส่วนแบ่งเพิ่มขึ้นในตลาดโลก เช่น กลุ่ม Solar Panel Production, Mobile Phone Production เป็นต้น ซึ่งตัวอย่างที่เห็นได้ชัด คือ การส่งออกรถยนต์ไฟฟ้าจีนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะในตลาดเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

      หลายคนอาจสงสัย ดัชนี HSI และ ดัชนี HSCEI มีความแตกต่างกันอย่างไร 

     ดัชนี Hang Seng (HIS) สะท้อนภาพรวมตลาดหุ้นฮ่องกง จำนวน 82 บริษัท ครอบคลุมมูลค่าตลาดราว 65% ของตลาดหุ้นฮ่องกง หรือราว 91.65 พันล้านบาท รวมถึงยังมีส่วนประกอบของหุ้นบริษัทต่างชาติอยู่ในดัชนีด้วย

     ดัชนี Hang Seng China Enterprises (HSECI) สะท้อนบริษัทจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกง จำนวน 50 บริษัท มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ราว 67.66 พันล้านบาท โดยมีสัดส่วนของบริษัทที่เป็นรัฐวิสาหกิจ (SOEs) ราว 44%

     โดย 2 ดัชนีนี้ มีค่า P/E ในระดับที่ค่อนข้างถูก เมื่อเทียบกับดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทย ซึ่งตอนนี้อยู่ที่ราว 18 เท่า โดยดัชนี HIS อยู่ที่ราว 9.56 เท่า ส่วนดัชนี HSCEI อยู่ที่ราว 8.57 เท่า ขณะเดียวกันทั้ง 2 ดัชนี ยังมี 43 บริษัทที่ซ้ำกัน แต่มีความแตกต่างกันที่น้ำหนักของหุ้นที่อยู่ในดัชนี โดยดัชนี HIS มีน้ำหนักในหุ้นกลุ่มการเงินมากกว่า เช่น ธนาคาร, ประกัน ขณะที่ดัชนี HSCEI มีน้ำหนักในกลุ่มเทคโนโลยีมากกว่า

     แล้วถ้าอยากลงทุนในตลาดหุ้นจีนฮ่องกงสามารถลงทุนทางไหนได้บ้าง ปัจจุบันการลงทุนใน DR ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกการลงทุนที่จะเข้ามาช่วยสร้างโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในต่างประเทศ โดยทีม BLS Global Investing ที่ดูแลเรื่องการลงทุนต่างประเทศของหลักทรัพย์บัวหลวง ได้มีการแนะนำการลงทุนไว้ ดังนี้ 

     1. DR HK01 ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิง คือ Tracker Fund of Hong Kong (2800) ที่ลงทุนอิงกับดัชนี Hang Seng  

     ความน่าสนใจ: รัฐบาลจีนคาดว่าจะออกนโยบายเพิ่มเติมเพื่อสนับสนุนภาคอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งเป็น Sector ที่มีน้ำหนักราว 6% ในดัชนี Hang Seng โดยนโยบายเหล่านี้อาจรวมถึงการลดเงินดาวน์สำหรับผู้ซื้อบ้านครั้งแรก และเพิ่มจำนวนเครดิตสำหรับผู้ซื้อบ้าน

     2. DR HKCE01 หรือ DR ที่มีหลักทรัพย์อ้างอิง คือ Hang Seng China Enterprises Index ETF (2800) ที่ลงทุนอิงกับดัชนี Hang Seng China Enterprises  

     ความน่าสนใจ: ดัชนี HSCEI มีน้ำหนักประมาณ 44% ในกลุ่มรัฐวิสาหกิจ (SOE) เช่น China Mobile และ China Construction Bank ซึ่งรัฐวิสาหกิจเหล่านี้มีแนวโน้มที่จะได้รับประโยชน์จากแผนการปฏิรูปรัฐวิสาหกิจระยะยาวของจีน

     เปรียบเทียบ DR01 แดนมังกร 

พิสูจน์ \"ตลาดหุ้นฮ่องกง\" น่าลงทุนไหม ?      สำหรับผู้ที่สนใจลงทุน DR01 กับหลักทรัพย์บัวหลวง สามารถเปิดบัญชีหุ้นกับเราได้ที่ www.bualuang.co.th ซึ่งเรามี DR ให้เลือกลงทุน 10 หลักทรัพย์ คือ E1VFVN3001, FUEVFVND01, NDX01, STAR5001, CN01, CNTECH01, HK01, HKCE01, LVMH01 และ ASML01 ครอบคลุมการลงทุนในดัชนีหลักของตลาดหุ้นสหรัฐฯ จีน ฮ่องกง เวียดนาม และหุ้นสามัญในตลาดยุโรป สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม BLS Customer Service โทร. 0 2618 1111