posttoday

ก้าวไกล เดินเกมแรง เป็นจระเข้ขวางคลอง เพื่อไทยจะแก้เกมอย่างไร

21 กรกฎาคม 2566

ก้าวไกล ประกาศให้เพื่อไทยเป็นแกนตั้งรัฐบาล เหมือนยอมถอยในทางการเมือง แต่เมื่อดูให้ลึกลงไป นี้เป็นการเปิดเกมรุกทางการเมืองที่น่าสนใจ และแหลมคม ตอบโต้ พรรคเพื่อไทย ตอบโต้ ส.ว. และตัวแทนฝั่งอนุรักษ์นิยมชนิดว่า ต้องจับตาให้ดีว่าอีกฝั่งจะตั้งรับแก้เกมนี้อย่างไร

ก้าวไกล  เดินเกมแรง เป็นจระเข้ขวางคลอง เพื่อไทยจะแก้เกมอย่างไร

การแถลงการณ์ของก้าวไกล โดยนายชัยธวัช ตุลาธน สส.บัญชีรายชื่อ เลขาธิการพรรคก้าวไกลเผยมติพรรคโยนไม้ต่อให้ พรรคเพื่อไทย ขึ้นมาเป็นแกนการจัดตั้งรัฐบาลแทน โดยยึด 8 พรรคแนวร่วมตามที่เซ็น MOU กันมาตั้งแต่ต้น และพร้อมจะสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นผู้เสนอชื่อบุคคลที่พรรคเพื่อไทยส่งมาให้ที่ประชุมรัฐสภาลงมติตามกระบวนการต่อไป โดยย้ำว่า "พรรคก้าวไกลต้องการส่งไม้ต่อให้กับพรรคเพื่อไทย เป็นแกนนำตั้งรัฐบาลสืบทอดเจตนารมณ์ประชาชน เปลี่ยนขั้วรัฐบาลยุติสืบทอดอำนาจ" มองเผินๆ เหมือนกับพรรคก้าวไกล ยอมถอยในทางการเมืองก้าวหนึ่ง แต่เมื่อดูให้ลึกลงไป นี้ไม่ใช่การถอย  แต่เป็นการเปิดเกมรุกทางการเมืองที่น่าสนใจ และแหลมคม ตอบโต้  พรรคเพื่อไทย ตอบโต้ ส.ว. และตัวแทนฝั่งอนุรักษ์นิยมชนิดว่า ต้องจับตาให้ดีว่าอีกฝั่งจะตั้งรับแก้เกมนี้อย่างไร

การถอยไม่เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ปล่อยให้ เพื่อไทย ขึ้นมาเป็นแกนจัดตั้งแทน โดยประกาศยึด MOU 8 พรรคฝั่งประชาธิปไตย เป็นปฏิบัติการเกม "จระเข้ขวางคลอง" ที่ทำให้เพื่อไทยเดินเกมลำบากไม่น้อย 

ที่ผ่านมาตลอดเวลาตั้งแต่หลังการประกาศจับมือร่วมกันของ 8 พรรคการเมือง ที่อ้างว่าเป็นฝั่งประชาธิปไตย โดยก้าวไกล มีความชอบธรรมในการเดินหน้าเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และชู พิธา  ลิ้มเจริญรัตน์ แคนดิเดตนายก หวังเสนอขึ้นเป็นนายก ทำหน้าที่ฟอร์มรัฐบาลมาโดยตลอด เนื่องจากเป็นพรรคที่มีเสียงข้างมากเป็นอันดับ 1 แต่อย่างที่คอการเมือง ทราบกันดีว่า เพื่อไทย ที่ครั้งนี้ พ่ายแพ้ยับเยินในสนามเลือกตั้งให้กับก้าวไกล ได้คะแนนมาเป็นอันดับ 2   จำต้องกล้ำกลืนเปิดทางให้ก้าวไกล และ พิธา เป็นหัวขบวนในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาลมาโดยตลอด  แต่บรรดาทีมยุทธศาสตร์ และนายใหญ่กลับมีการเคลื่อนไหวภายใน หาทางชิงเหลี่ยมคูทางการเมือง หวังพลิกเกมขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลตลอดเวลาเช่นกัน

เรียกว่า เป็นการเล่นบท 2 หน้าทางการเมือง หน้าหนึ่งยิ้มรับจับมือ ผูกรูปหัวใจกับก้าวไกล สนับสนุนให้พิธาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อรักษาฐานเสียงฐานมวลชนที่ต้องการให้ 2 พรรค ที่อ้างเป็นฝ่ายประชาธิปไตยเดินไปให้ถึงฝัน เป็นรัฐบาลในฝันของมวลชนให้ได้  ขณะอีกหน้า เดินเกมเปิดดีลหาทางจับขั้วพลิกเกมหวังขึ้นมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลให้ได้เช่นกัน 

ความชัดเจนของ เพื่อไทยในการเดินเกมรุกใส่ ก้าวไกล  เห็นได้ชัดจาก การประกาศชิงตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎร์เดิมค่อนข้างแข็งกร้าวว่าตำแหน่งดังกล่าวต้องเป็นของเพื่อไทย  ต่อมาผ่อนลงมาเป็น สนับสนุนให้หัวหน้าพรรคประชาชาติ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ซึ่งเป็นที่รู้กันดีว่ามีความใกล้ชิดกับทางพรรคเพื่อไทยขึ้นมาแทน  ผสานไปกับเกมของฝั่งอนุรักษ์นิยม ที่เปิดเกมนอกสภาผ่านนิติสงคราม ยื่นสอบคุณสมบัติการเป็นส.ส. จากการถือครองหุ้นสื่อ ในไอทีวี   จนนำไปสู่การยื่นคำร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย และ ต่อมาทางศาลฯรับคำร้องและสั่งนายพิธา หยุดปฎิบัติหน้าที่ ส.ส.ในวันที่ 19 ก.ค.ที่ผ่านมา 

การเป็นพรรคร่วม 8 พรรคในการเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล ของ 2 พรรคใหญ่ ก้าวไกล และ เพื่อไทย เต็มไปด้วยกลยุทธ์ทางการเมือง ซึ่งตลอดเวลา พรรคเพื่อไทย ถือว่าชิงความได้เปรียบมาโดยตลอด นับตั้งแต่ช่วงชิงตำแหน่งประธานสภามาเป็นนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา และสะท้อนออกมาให้เห็นชัดเจน เมื่อ พิธา ไม่ผ่านการโหวตจากรัฐสภาในการเสนอชื่อ ให้เป็นนายกรัฐมนตรี ในการประชุมครั้งแรก เมื่อ 13 ก.ค. 66 ด้วยไม่อาจผ่านด่าน ส.ว. ที่ตั้งกำแพง ยกเหตุผลไม่อาจรับนายกจากพรรคที่ต้องการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 ได้  และต่อมาวันที่ 19 ก.ค. 66 ในการเปิดประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 ก้าวไกล ถูกเกมบีบจาก ส.ว. และสภา ที่ใช้ระเบียบข้อบังคับการประชุมสภา  ข้อที่ 41 ให้ถือว่า การเสนอนายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรี  ในครั้งแรกเป็นญัตติ เป็นเหตุให้ไม่สามารถเสนอนายพิธา เข้ามาโหวตเป็นนายกรัฐมนตรีได้อีก ทั้งๆที่ ในการถกเถียงในประเด็นดังกล่าว ประธานสภามีอำนาจวินิจฉัยได้โดยตรง แต่ ปล่อยให้มีการโหวตจากที่ประชุม ทำให้ฝ่ายก้าวไกลพ่ายแพ้เกมในสภา จนปิดทางการเสนอชื่อ พิธา เข้ามาเป็นนายกรัฐมนตรีลงอย่างสิ้นเชิง 

ความพ่ายแพ้ในเกมการเมืองของ ก้าวไกล ให้กับ เพื่อไทย และฝั่งอนุรักษ์นิยม ทางฝ่ายก้าวไกลเอง ย่อมรู้อยู่แก่ใจดี ยอมเป็นเบี้ยล่างถูกกดให้เดิน เป็นฝ่ายตั้งรับมาตลอด จนกระทั้ง การแถลงของ  นายชัยธวัช ในเรื่องการยอมให้ เพื่อไทย เป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล ในเช้าวันที่ 21 ก.ค.66 โดยผูกปมว่าจะขอร่วมในการจัดตั้งรัฐบาลในนาม 8 พรรคตาม MOU ไม่ยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้านเอง จึงถือเป็นการเอา พรรคก้าวไกลผูกไว้กับพรรคเพื่อไทย โยนการตัดสินใจการกำหนดท่าทีทางการเมือง ให้เพื่อไทย ว่าจะจัดการอย่างไร  เป็นการพลิกเกมเล่นเกมรุก ทำตัวเป็น จระเข้ขวางคลอง กันพรรคเพื่อไทยนำเรือชัยไปสู่การจัดตั้งรัฐบาลได้อย่างง่ายๆ เพราะหากก้าวไกลยังผูกตัวเองไว้กับเพื่อไทย ย่อมเป็นไปไม่ได้ที่จะได้รับการสนับสนุนจาก ส.ว. จากเหตุแห่งปัจจัยไม่ได้เปลี่ยนแปลง พรรคก้าวไกลยังถือธง แก้ไข ม. 112 ชัดเจน  

การผูกก้าวไกลไว้กับ เพื่อไทยในการจัดตั้งรัฐบาล จึงเป็นการบีบให้ พรรคเพื่อไทยประกาศถอนตัวเองออกจาก 8 พรรคร่วมตาม MOU เป็นการฟ้องต่อมวลชนฐานเสียงที่ให้การสนับสนุนว่า ใคร พรรคใดเป็นคนฉีกสัญญาที่ให้คำมั่นไว้ เป็นการทรยศประชาชน  

สิ่งที่ตอกย้ำแนวคิด และกลเกมของพรรคก้าวไกลในเรื่องนี้ดูได้จากบทให้สัมภาษณ์ของแกนนำคนสำคัญอีกคนหนึ่งคือ วิโรจน์  ลักขณาอดิศร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ที่ว่า 

 "เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งแล้วครับ ม.112 หรือ mou ที่เคยทำร่วมกัน จะไปต่อหรือจบลง อยู่ที่เพื่อไทยแล้วครับ ไม่ได้อยู่ที่เราแล้ว ที่สำคัญเราต้องได้เป็นรัฐบาล ตามฉันทามติของประชาชน ไล่เราออกจากบ้านเราจะไม่ออก แถมเราจะซื้อเสื้อเพิ่มด้วย เลิกมาบอกว่าไปเป็นฝ่ายค้านก่อนแล้วค่อยกลับมาได้แล้ว "

ทั้งนี้ ในฝากฝั่งเพื่อไทย เมื่อ ก้าวไกล โยนเผือกร้อนใส่มือ จำต้องเดินหน้าแก้เกม โดยล่าสุดในช่วงบ่ายของวันที่ 21 ก.ค.นายชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยได้ออกตั้งโต๊ะแถลง สรุปใจความได้ว่า พร้อมเดินหน้าเป็นแกนจัดตั้งรัฐบาล โดยจะหาเสียงสนับสนุนเพิ่มทั้งจาก ส.ส.และ ส.ว.เพื่อให้เกินกึ่งหนึ่ง หรือ มากกว่า 375 เสียง โดยเห็นว่า การแก้ไขมาตรา 112 เป็นอุปสรรคสำคัญ ดังนั้นจะหารือกับ 8 พรรคร่วม เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าวภายในวันนี้  และ ผลสรุปออกมา ไม่ได้ต่างไปจากที่พรรคเพื่อไทยได้แถลงออกมา โดยประเด็นอุปสรรคสำคัญ การแก้ไข ม.112 เป็นหน้าที่พรรคเพื่อไทยต้องไปหารือเพื่อปรับลดความกังวลใจดังกล่าวลง ได้ผลเช่นไร จะนำมาหารือกับพรรคก้าวไกล เพื่อให้พรรคก้าวไกลไปหาทางออกภายในพรรคอีกครั้ง  

ผลการประชุมเช่นนี้ ย่อมชัดเจนว่า ปัญหาทุกอย่างจะถูกโยนไปยังพรรคเพื่อไทย ซึ่งในเรื่อง การแก้ไข ม. 112 ไม่มีหลักประกันใดๆออกมาจากทางก้าวไกลว่าจะปรับลดอย่างไร  นายชัยธวัช เพียงบอกว่า รอฟังว่าผลการหารือระหว่างเพื่อไทย กับ ส.ว.จะให้ปรับลดอย่างไร แต่ยืนยันว่า ม.112 เป็นเพียงข้ออ้างในการกีดกันไม่ให้ก้าวไกล เข้ามาเป็นรัฐบาล และ ไม่ต้องการให้ พิธา เป็นนายกเท่านั้น 

ดังนั้น เกมการเมืองมาถึงจุดนี้ ทำให้มองได้ว่า ก้าวไกล ได้พลิกเกมกลับมาเป็นเปิดเกมรุกทางการเมือง โยนเผือกร้อนไปให้เพื่อไทยแทน ทำตัวเป็น จระเข้ขวางคลอง ไปปล่อยให้ เรือธงของเพื่อไทยลอยเข้าไปเป็นรัฐบาลได้ง่ายๆ คงต้องจับตาต่อไปว่า เพื่อไทยจะแก้เกมอย่างไร หลังดึงหอก ม.112 ออกมาทิ่ม ก้าวไกล หวังให้ยอมถอย แต่ยกนี้ยังไม่ระคายผิว เกมต่อไปจะเป็นการคว่ำกระดาน ยกเลิกพันธสัญญา "ตั้งรัฐบาลสืบทอดเจตนารมณ์ประชาชน เปลี่ยนขั้วรัฐบาล ยุติสืบทอดอำนาจ" หันไปสลับขั้วจับรวมกับพรรคการเมืองอีกซีก ลอยแพ พรรคก้าวไกลให้ไปเป็นพรรคฝ่ายค้าน ตามกระแสข่าวก่อนหน้านี้หรือไม่ หรือก้าวไกลจะยอมกลืนเลือด ยุติแก้ ม.112 เพื่อหวังเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหรือไม่ ต้องจับตากันต่อไป แต่ต้องยอมรับว่า งานนี้ไม่ง่ายแน่นอน