เท่าเทียมบนความหลายหลาย ปกติวิถีขององค์กรสตาร์ทอัพ
แนวทางแห่งความเท่าเทียมบนความหลายหลาย ซึ่งเป็นปกติวิถีขององค์กรสตาร์ทอัพ เช่นเดียวกับ Jitta ที่พยายามสร้างพื้นที่เปิดกว้าง ให้มีสภาพแวดล้อมที่ไม่แบ่ง แยกเพศหรือวัย ด้วยความเชื่อว่าทุกคนเท่าเทียมกัน และการยอมรับในความหลากหลายของพนักงานแต่ละคน
เมื่อไม่กี่วันมานี้ ดิฉันได้ยินข่าวดีข่าวหนึ่งว่า รัฐบาลกำลังเดินหน้าศึกษา เรื่องการสร้างห้องน้ำในสถานที่ราชการและหน่วยงานอื่นในกำกับของรัฐรองรับความหลากหลายทางเพศนอกเหนือไปจากห้องน้ำชาย ห้องน้ำหญิง และห้องน้ำสำหรับ คนพิการ โดยติดป้าย All Gender Restroom และมีป้ายบอกทางให้ชัดเจน
ถือเป็นข่าวดีและเป็นของขวัญส่งท้ายเดือนมิถุนายน 2566 เดือนแห่ง Pride Month ที่สายรุ้งโปรยปรายไปทุกช่องทาง สัญลักษณ์แห่งการสร้างความเท่าเทียม (Equality) และความหลายหลาย (Diversity) เป็นช่วงเวลาส่งเสริมความภาคภูมิใจของเหล่า LGBTQ+ ที่ไม่ควรจะจำกัดแค่ช่วงเวลาใดเวลาหนึ่งของปีเท่านั้น
เพราะในโลกแห่งความเป็นจริง มีความหลากหลายเกิดขึ้นอยู่ทุกมิติ ทุกรูปแบบ
ทั่วโลกตระหนักถึงเรื่องนี้ เราได้เห็นแคมเปญรณรงค์ เรื่องความหลากหลายทางเพศ และการสร้างความเท่าเทียมทั้งในโลกที่พัฒนาแล้ว และกำลังพัฒนา เพราะเมื่อมองในภาพรวมความหลากหลายทางเพศไม่ได้จำกัดอยู่ในประเทศพัฒนาแล้วหรือกำลังพัฒนา แต่ขึ้นกับการเปิดกว้างและยอมรับของคนในสังคมนั้นๆ ต่างหาก
ยกตัวอย่างบริษัทเทคฯ ยักษ์ใหญ่อย่าง Google ที่เราคุ้นเคยกันดี ในสมัยที่ดิฉันทำงานอยู่ก็ได้มีโอกาสรู้จักกับ Gayglers ซึ่งเป็นคำเรียกพนักงานของ Google ที่อยู่ในกลุ่ม LGBTQ+ เป็นพื้นที่ที่รองรับกลุ่มผู้มีความหลากหลาย ทางเพศในที่ทำงาน Gayglers เป็นคำที่พ้องเสียงระหว่าง Gay+Google ซึ่งคำว่า ‘Gay’ เป็นคำที่ใช้แทนกลุ่ม LGBTQ+ ในองค์กร Google มีการสร้างเครื่องไม้เครื่องมือ เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียมและความหลากหลายทางเพศด้วยการส่งเสริมการเรียนรู้และสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับความหลากหลายทางเพศ การสร้างเครือข่ายพันธมิตร และชุมชน LGBTQ+ รวมถึงการสร้างธุรกิจที่เป็นมิตรกับ LGBTQ+ ด้วย
นอกจากนี้ที่ Google ยังมีนโยบายที่ตระหนักถึงความหลากหลาย ที่น่าสนใจอีก เรื่องหนึ่ง คือการสัมภาษณ์คัดเลือกผู้เข้าทำงาน ที่จะต้องมีผู้ทำการสัมภาษณ์ อย่างน้อยหนึ่งคน เป็นเพศตรงข้ามกับผู้สัมภาษณ์อื่น เช่น หากผู้สัมภาษณ์ 3 คนเป็นชาย อีก 1 คนต้องเป็นผู้หญิง เพื่อให้มีมุมมองที่เสมอภาคกัน ไร้ซึ่งอคตินั่นเอง
กลับมาที่ประเทศไทย ก็ให้ความสนใจเรื่องนี้เพิ่มไม่น้อย เห็นได้จากสถิติที่ Google Trend ออกมาเปิดเผยรายงานคำค้นหา Year in Search ของไทย พบว่าในปี 2565 การค้นหา “LGBTQ” เพิ่มขึ้น 110% ซึ่งเป็นระดับสูงที่สุดที่เคยมีมา และการค้นหา “สมรสเท่าเทียม” เพิ่มสูงขึ้นถึง 800% (เทียบข้อมูลระหว่าง 1 ก.ย.64 - 31 ส.ค.65 กับ 1 ก.ย. 63 - 31 ส.ค. 64 )
สำหรับ Jitta เราพยายามสร้างพื้นที่เปิดกว้าง ให้มีสภาพแวดล้อมที่ไม่แบ่ง แยกเพศหรือวัย เราเชื่อว่าทุกคนเท่าเทียมกัน และการยอมรับในความหลากหลาย ของพนักงานแต่ละคนเช่นนี้ จะช่วยให้พนักงานตระหนักถึงคุณค่าและความสามารถ ในการทำงานของตัวเอง หากผลงานออกมาดีก็ได้รับการยกย่อง ไม่ว่าจะเพศหรือช่วงวัยใด ความเท่าเทียมนี้เราเชื่อว่าจะเป็นพื้นที่เปิดกว้างให้พนักงานสามารถเป็นตัวของตัวเอง เป็นส่วนหนึ่งขององค์กร และเป็นแรงผลักดันให้พนักงานแสดงความสามารถ ในการทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพของตัวเอง
ความหลากหลายทางความคิดจะช่วยสร้างไอเดียใหม่ๆ ให้กับองค์กร ทุกคนมีพื้นที่ที่ สามารถทดลองไอเดียใหม่ๆ ได้ตลอดเวลา โดยเฉพาะการเป็นสตาร์ทอัพ สายเทคฯ เราต้องการความคิดสร้างสรรค์เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์การเงินที่มีความซับซ้อน และเทคโนโลยีที่แข็งกระด้างให้เป็นเรื่องง่ายและตอบโจทย์ลูกค้า รวมถึงการสร้างสรรค์แคมเปญที่ดึงดูดใจ เราจึงไม่มีการจำกัดทางความคิด ในการทำงาน ซึ่งเราเชื่อว่าจะเป็นปัจจัยที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพทางธุรกิจได้ ในระยะยาว
หนึ่งในสวัสดิการที่สุด Cool ของชาว Jitta คือการ Work from Anywhere แบบจริงจัง เรามีพนักงานหลายคนที่ทำงานจากต่างจังหวัดไปจนถึงต่างประเทศก็มี ซึ่งความเท่าเทียมนี้ยังช่วยให้พนักงานที่เป็นคุณพ่อคุณแม่ได้มีเวลาทำงานไปพร้อมๆ กับการดูแลลูกด้วย
อย่างตัวดิฉันเองในช่วงที่ต้องเป็นแม่ลูกอ่อน (2 คน) ก็ไม่ต้องกังวลว่า เมื่อครบกำหนดลาคลอดแล้วจะกลับไปทำงานอย่างไร ใครจะอยู่ดูแลลูก ด้วยนโยบาย WFA ที่มีมาตั้งแต่ก่อนวิกฤติโควิดช่วยตอบโจทย์จังหวะชีวิต ช่วงนั้นได้เป็นอย่างดี แม้กระทั่งพนักงานที่เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวก็มีเวลาดูแลลูกไปด้วยทำงานไปด้วยได้
และไม่ใช่แค่พนักงานที่เป็นคุณแม่เท่านั้น พนักงานพ่อลูกอ่อนก็ได้สิทธินี้เช่นกัน คุณพ่อมือใหม่สามารถทำงานที่บ้านไปพร้อมกับช่วยภรรยาดูแลลูกน้อยได้ด้วย สร้างประสบการณ์คุณพ่อคุณแม่มือใหม่ไปด้วยกัน เป็นความเท่าเทียมที่ส่งเสริม คุณภาพชีวิตครอบครัวได้อย่างดีทีเดียว
ซึ่งเคล็ดลับในการทำงานแบบ Work From Anywhere ได้นั้น คือ การที่องค์กรจะต้องสร้างวัฒนธรรมและมีความไว้วางใจซึ่งกันและกัน โดยเฉพาะการอยู่ร่วมอย่างเท่าเทียม ให้ความสำคัญต่อความหลากหลาย ความเสมอภาค และการผนวกรวมเป็นหนึ่งเดียวกัน (Diversify Equality and Inclusion : DEI) ซึ่งจะทำให้เกิดความเชื่อมั่นต่อกันได้มากขึ้น พนักงานรู้สึกว่าอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย จึงทำให้สามารถทำงานร่วมกันได้ อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
แม้จะผ่านพ้นเดือน Pride Month มาแล้ว แคมเปญสายรุ้งอาจจะเริ่มซาลง ข่าวคราวเรื่องความหลากหลายและเท่าเทียมอาจจะจางหายไป แต่ดิฉันหวังว่า เราทุกคนจะเริ่มมองเรื่องความหลากหลายในสังคมให้เป็นหนึ่งในเรื่องปกติชีวิต และปฏิบัติต่อกันอย่างเท่าเทียม
ยิ่งสังคมเรามีความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีอย่างมาก หลายโปรแกรมที่เป็นประโยชน์ ต่อชีวิต ธุรกิจ การศึกษา และสังคมเรานั้นสร้างมาจากมวลมนุษยชาติที่หลากหลาย จงอย่าให้ความแตกต่างนั้นมาขวางกั้นการพัฒนาสิ่งใหม่ ๆ ของโลกใบนี้ จงทลายกำแพงความแตกต่างและยอมรับในความหลากหลาย เพื่อสิ่งที่ดีกว่าร่วมกัน
โดย: พรทิพย์ กองชุน Co-Founder and COO, Jitta (Thailand)


