posttoday

สนามเลือกตั้ง 66 "ชุมพร" ลุงป้อม ไม่ปาด ปล่อยลุงตู่ สู้ศึก ปชป.

26 มกราคม 2566

ดูผู้เล่นที่จะลงแข่งในสนามจ.ชุมพรแล้ว น่าจะเป็นเรื่องของ ความเสียเปรียบของผู้เล่นในนาม พปชร.มากกว่า เพราะเจ้าของพื้นที่เดิม ล้วนแต่แข็งแกร่งไม่น่าจะเบียดสู้ได้  การลงทุนลงแรงไปปาดหน้า น่าจะเสียพลังเสียแรง เสียไม่คุ้มได้ เรียกว่าสนามนี้ไม่มีเวทีให้ปาดมากกว่า 

สนามเลือกตั้ง 66 "ชุมพร" ลุงป้อม ไม่ปาด ปล่อยลุงตู่ สู้ศึก ปชป.

สงครามปาดหน้าลงพื้นที่เขตเลือกตั้งระหว่าง 2 ป. สองขั้วพี่น้องที่แยกทางกันเดินในทางการเมือง ในสนามเลือกตั้งมีให้เห็นในหลายสนามตั้งแต่ราชบุรี เยาวราช (กทม.)นครสวรรค์ โดยคาดว่าจะเกิดขึ้นอีกหลายสนาม ส่วนเสาร์ที่ 28 ม.ค. 66 นี้ มีกำหนดการของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่สนามเลือกตั้ง จ.ชุมพร  เดิมทีมีการคาดเดาว่าจะมีการปาดหน้าลงวนามเลือกตั้ง ชุมพร ของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อีกหรือไม่ จนกระทั้งผู้สื่อข่าวไปซักไซร้ไล่เรียงมาจนได้คำตอบจากปาก รองนายกประวิตรมาว่า ไม่มีการลงพื้นที่ปาดหน้าในพื้นที่จังหวัดชุมพรแต่อย่างใด 

บางกระแสข่าวก่อนหน้านี้ มีออกมาว่า ลุงป้อม พล.อ.ประวิตร จะลงพื้นที่ปาดหน้าในจังหวัดชุมพร ในเขตอ.สวี ซึ่งเป็นพื้นที่เขตเลือกตั้ง 3 ส่วน กำหนดการของลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่และปราศัยกับประชาชนในพื้นที่เขต 1 เขต อ.เมือง แต่ถึงขณะนี้ชัดเจนว่า พื้นที่นี้ไม่มีกรณีปาดหน้าแน่นอนจากปากของพล.อ.ประวิตร  

อย่างไรก็ตาม การเว้นพื้นที่เปิดศึกชิงพื้นที่ ของ 2 ป. ในครั้งนี้ อาจจะมองว่าลุงป้อม พล.อ.ประวิตร ยอมอ่อนให้น้อง ไม่ต้องการสร้างแรงกระเพื่อมความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องที่ต้องแยกทางกันเดินในการเลือกตั้ง 66 ที่จะมาถึง แต่หากตรวจดูสนามเลือกตั้ง ดูผู้เล่นที่จะลงแข่งในสนามนี้แล้ว น่าจะเป็นเรื่องของ ความเสียเปรียบของผู้เล่น ในนาม พปชร.มากกว่า เพราะเจ้าสนามเจ้าของพื้นที่เดิม ล้วนแต่แข็งแกร่งไม่น่าจะเบียดสู้ได้เลยมากกว่า  การลงทุนลงแรงไปปาดหน้า น่าจะเสียพลังเสียแรงมาก เสียไม่คุ้มได้ เรียกได้ว่าสนามนี้ไม่มีเวทีให้ปาดมากกว่า 
 

ชุมพร ศึกเทียม 2 เขต 2 ค่าย ปชป.-รทสช.

สำหรับสนามเลือกตั้งชุมพร  การเลือกตั้ง 66 จะมีพื้นที่เขตการเลือกตั้ง 3 เขตเท่าเดิม การต่อสู้ในสนามนี้ไม่น่าจะเดือดตามที่มีการวิเคราะห์กันจากหลายสาย แต่จะออกมาในลักษณะแบ่งเขตรักษาแชมป์ของแต่ละเขตมากกว่า โดย ส.ส.เจ้าพื้นที่ปจจุบัน เขต 1 เป็นของ สตาร์ท- อิสรพงษ์ มากอำไพ พรรคประชาธิปัตย์  เขต 2 เป็นของ เอก- สราวุธ อ่อนละมัย พรรคประชาธิปัตย์ และเขต 3 เป็นของ ลูกช้าง- สุพล จุลใส จากพรรครวมพลัง

ในการเลือกตั้ง 66 มีการขยับปรับเปลี่ยน คนที่จะลงแข่งในสนาม โดย เขต 1 (อ.เมือง-อ.สวีบางส่วน) สตาร์ท- อิสรพงษ์ มากอำไพ ยังคงลงในนามพรรคประชาธิปัตย์เหมือนเดิม โดยมี คู่ต่อสู้ จาก รทสช.  สจ.ชัย-วิชัย สุดสวาทดิ์ คนสนิทของลูกหมี จุมพล จุลใส ที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จากกรณีการชุมนุม กปปส. ลงมาแข่งด้วย 

เขต 2 (ท่าแซะ-ประทิว ) เอก- สราวุธ อ่อนละมัย ลงสนามรักษาแชมป์ 3 สมัยในนามพรรคประชาธิปัตย์เช่นเดิม ในสนามนี้ คู่แข่งสำคัญ มาจากกลุ่ม ลูกหมี จุมพล จุลใสเช่นกัน โดยวางตัว สันต์ แซ่ตั้ง ลงแข่ง และในพื้นที่เขต 2 ดูเหมือน เอก สราวุธ จะมีคู่แข่งมากหน่อย โดยมี สมบูรณ์ หนูนวล จาก พรรคภูมิใจไทย ที่ได้รับการดูแลจากเสี่ยเอ-คงกฤษ ฉัตรมาลีรัตน์ ส.ส.ระนอง ซึ่งหวังเจาะพื้นที่ภาคใต้ให้มากขึ้นมาร่วมแข่งด้วย 

ส่วนเขต 3 (อ.หลังสวน อ.ละแม อ.พะโต๊ะ อ.ทุ่งตะโก และอ.สวี บางส่วน) ลูกช้าง สุพล จุลใส ย้ายจากพรรครวมพลังมาลงในสังกัด รทสช. 

ในสนามชุมพร พรรค พปชร. ที่แม้จะมีการเคลื่อนไหวคึกคักในส่วนกลาง แต่ในระดับพื้นที่ยังไม่มีความคึกคักมากนัก และตัว ว่าที่ ส.ส. ที่พรรคลงแข่งครั้งนี้ คือ   เขต 1 สุรชัย แดงละอุ่น หรือ นายกโท้ง อดีตกำนัน ต.ปากแพรก และอดีตนายก อบต.สวี อ.สวี ,เขต 2 สมมิตร ทองเหลือ ส.อบจ.ชุมพร เขต อ.ปะทิว และ เขต 3 ธีระศักดิ์ ปางวิรุฬห์รักษ์ อดีต รองนายก อบจ.ชุมพร จะเห็นได้ว่า ผู้สมัครของ พปชร.ส่วนใหญ่เป็นระดับการเมืองท้องถิ่น ซึ่งฐานคะแนนน่าจะสู้ได้ยาก กับ สองพรรคใหญ่ที่ได้ตัว ส.ส.เก่ากลับมาสู้ศึกครั้งนี้ 

โดยผู้สมัครของ พปชร. มีอดีต ส.ส.เก่าเพียง ธีระศักดิ์ ปางวิรุฬห์รักษ์ ที่เคยได้รับเลือกเป็น ส.ส.ในช่วงสังกัด ค่ายประชาธิปัตย์มา 3 สมัยร ก่อนจะเสียพื้นที่ให้กับ ลูกหมี จุมพล จุลใส ที่เบียดเข้ามาแย่งลงในนามประชาธิปัตย์ในยุค กำนันสุเทพ  เทือกสุบรรณเป็นเลขาธิการพรรค และ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะเป็นหัวหน้าพรรค  และในการลงสนามครั้งล่าสุด  ธีระชาติ ปางวิรุฬห์รักษ์ ลงแข่งในนาม ปชป.กับกับ ลูกช้าง สุพล จุลใส ในสังกัด พรรครวมพลัง ในพื้นที่เขต 3 ซึ่งผลออกมา ธีรชาติ พ่ายให้กับ ลูกช้างขาดลอยด้วยคะแนน 19,397 คะแนน ต่อ  41,464 คะแนน ซึ่งจากครั้งนั้นทำให้ ปชป.ตัดสินใจแยกทางกับ ธีรชาติ โดยการเลือกตั้งซ่อม เขต 1 แทน ลูกหมี จุมพล จุลใส ที่ถูกที่ถูกตัดสิทธิทางการเมือง จากกรณีการชุมนุม กปปส. ปชป. หันมาใช้ สตาร์ท- อิสรพงษ์ มากอำไพ แทนและสามารถกำชัยเข้ามาเป็นส.ส.ได้ ด้วยคะแนน  48,817   คะแนน เหนือ ชวลิต อาจหาญ ที่ พปชร.ส่งแข่งที่ได้คะแนนไปเพียง 22,737   คะแนนเท่านั้น      

ดังนั้น การตัดสินใจไม่ลงพื้นที่ปาดหน้าของลุงป้อม พล.อ.ประวิตร ในพื้นที่ชุมพร จึงเป็นการประเมินสถานการณ์แล้วว่า ในพื้นที่นี้ไม่น่าลงทุนลงแรงมากเกินไป 

ส่วนภาพการเมืองของการเลือกตั้ง 66 ที่กำลังจะเกิดขึ้น ที่คาดว่าจะเดือด เมื่อ บ้านใหญ่ตระกูล จุลใส สุพล - จุมพล เข้าสังกัด พรรครวมไทยสร้างชาติ ของลุงตุ่ พล.อ.ประยุทธ์  พร้อมประกาศขนทีมลงทั้ง 3เขต และหมายมั่นปั้นมือว่าจะแย่งเก้าอี้มาให้ได้ แต่หากเช็คความสัมพันธ์ที่สลับซับซ้อนในเชิงเครือญาติ ความเกี่ยวดองกันระหว่าง 2 ตระกูล  จุลใส กับ มากอำไพ รวมไปถึงการร่วมมือทางธุรกิจแล้ว คาดว่า เขต 1 กับ เขต 3 น่าจะเป็นการแบ่งพื้นที่กันของสองตระกูลมากกว่า  

ความสัมพันธ์เกี่ยวดองของ"จุลใส-มากอำไพ"

ลูกหมี จุมพล จุลใส เข้ามาเกี่ยวดองกับตระกูล มากอำไพ โดยมีภรรยาเป็นคนตระกูล มากอำไพ ภรรยาของลูกหมี มีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกับ สตาร์ท อิสรพงษ์ มากอำไพ  ภรรยาลูกหมี เป็นบุตรสาวของพี่สาวคนโตของ โกหีต "อำไพ มากอำไพ" ที่เป็นบิดา ของ สตาร์ท อิสรพงษ์ มากอำไพ ดังนั้น ลูกหมีจึงมีศักดิ์เป็น พี่เขย ของสตาร์ท อิสรพงษ์ มากอำไพ โดยทั้งสองตระกูลเข้ามาเกี่ยวดองกันในทางธุรกิจเกี่ยวกับสัปทานรังนกในเขตพื้นที่จังหวัดชุมพรก่อนที่จะเกี่ยวดองกันด้วยการแต่งงานของสองตระกูล  ความแนบแน่นของทั้งสองถือว่าใกล้ชิดกันมาก เป็นการผนึกกันของสองตระกูล จุลใส ที่มีฐานในพื้นที่ อ.สวี กินลงไปในพื้นที่ตอนล่างของจังหวัด ไล่ลงไปในพื้นที่อ.ตะโก อ.หลังสวน อ.พะโต๊ะ ขณะที่ ตระกูลมากอำไพ มีฐานเหนี่ยวแน่น ในพื้นที่ อ.เมือง  ปัจจุบันลูกหมี ซึ่งเป็นเขยของตระกูล มากอำไพ มาสร้างบ้านอยู่ใน ต.ท่ายาง อ.เมือง จ.ชุมพร ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของตระกูล มากอำไพ  

ดังนั้น ในเขต 1 ของจังหวัดชุมพร ที่ สตาร์ท อิสรพงษ์ มากอำไพ ประกาศเตรียมลงชิงชัยรักษาตำแหน่งอีกครั้งในนาม ปชป. แม้ลูกหมี จะส่งคนสนิทลงแข่งในสังกัดพรรค รทสช. แต่ความเข้มข้นในการแข่งขันไม่น่าจะดุเดือด อย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ เพราะต้องโพกัสไปที่ เขต 3 ซึ่งเป็นฐานของตะกูล จุลใส ครั้งนี้ส่ง ลูกช้าง สุพล จุลใส ลงในนามพรรค รทสช.  โดยคู่แข่งจากพรรคอื่น คือ ธีระศักดิ์ ปางวิรุฬห์รักษ์ จาก พปชร. ส่วน ปชป. ส่ง มีศักดิ์ ภักดีคง อดีตอธิบดีกรมประมง ลงชิงชัย  ดังนั้น ความทุ่มเทของ จุลใส น่าจะโพกัสมาที่พื้นที่เขตนี้มากกว่า เพื่อรักษาเก้าอี้รักษาตำแหน่งไว้ เป็นการแบ่งพื้นที่กันรักษาเก้าอี้ของ 2 ตระกูลไว้ให้ได้ 

ก่อนหน้ามีการคาดการณ์ว่าการที่ ลูกหมี จุลพล จุลใส จะไล่บี้ในเขต 1 ด้วย เพราะลงทุนส่งคนสนิทลงในนาม รทสช. โดยมองจากผลการเลือกตั้ง นายก อบจ. ที่ นายกโต้ง นพพร อุสิทธ์ ที่เป็นพี่เขยของลูกหมี จุลพล จุลใส ( สุจิตรา อุสิทธิ์ ภรรยาของ นพพร เป็นน้องสาวของ ลูกช้างและเป็นพี่สาวของลูกหมี) สามารถคว้าชัยจากการเลือกตั้งเข้ามาได้ สามารถชนะคู่แข่งอดีต ส.ส.หลายสมัยอย่าง ศิริศักดิ์  อ่อนละมัย ที่เป็นบิดา เอก  สราวุธ อ่อนละมัย ไปด้วยคะแนนขาดลอย 1.47 แสนคะแนนต่อ  5.91 หมื่นคะแนน โดยครั้งนี้ มีความชัดเจนว่า นพพร อุสิทธิ์ มาร่วมกิจกรรมกับ รทสช. ด้วย  หาก ลูกหมีส่งคนสนิทแข่งในเขต1 จะเกิดศึกช้างชนช้างได้นั้น  แต่หากวิเคราะห์ฐานคะแนนการเลือกตั้งนายก อบจ. ของ 2 คู่แข่ง นพพร-ศิริศักดิ์ ชัดเจนว่า คะแนนของนพพร เป็นคะแนนที่สะท้อนการผนึกกำลังกันของสองตะกูล จุลใส ที่มีฐานในเขต 3 กับ มากอำไพ  ในเขต 1 เพราะ นพพร เป็นเขยตระกูล จุลใส ขณะที่ ลูกหมี เป็นเขยตระกูล มากอำไพ คะแนนจึงท่วมท้นเกือบ 1.5 แสนคะแนน 

ส่วนคะแนนของ ศิริศักดิ์ ซึ่งมีฐานใหญ่ในพื้นที่ เขต 2 จำนวนเกือบ 6 หมื่นคะแนน นับว่าเป็นฐานคะแนนที่ชัดเจนในเขตพื้นที่เขต 2 ที่ยังรักษาฐานเสียงไว้ได้อย่างเหนียวแน่น เพราะโดยปรกกติ การแบ่งเขต ส.ส.ผลของผู้ชนะจะอยู่ประมาณ 4- 6 หมื่นคะแนนต่างกับคะแนน นายก อบจ. ที่หน่วยเลือกตั้งทั้งจังหวัด  ซึ่งในการเลือกตั้ง 66 เอก สราวุธ อ่อนละมัย ผู้เป็นลูกชาย และเป็น ส.ส.เก่า 3 สมัย ลงสู้ในนาม ปชป. ดังนั้น ในเขต 2 เอก สราวุธ ที่มีฐานเสียงค่อยข้างแน่น ประกอบกับการขยันลงพื้นที่ตลอด จึงเป็นตัวเต็ง แม้นว่า สนามนี้จะดูดุเดือดกว่าสนามอื่น เพราะ ลูกหมี ส่งเด็กในสังกัดลงแข่ง และ ยังมีภูมิใจไทย ที่หมายมั่นปั้นมือยากเจาะพื้นที่นี้ด้วยก็ตาม 

สรุปโดยรวมสนาม"ชุมพร" ประตูภาคใต้ ที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เลือกเปิดปราศัยเป็นครั้งแรก ในนามว่าที่แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ของพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เมื่อเจาะตัวผู้เล่น และ ฐานกำลังแล้ว สนามนี้ไม่มีพื้นที่ให้ลุงป้อมปาดหน้า ปล่อยให้ลุงตู่ พล.อ.ประยุทธ์ลงแข่งกับเจ้าสนามอย่าง ปชป.แทน ส่วนสนามนี้จะเดือดเป็นช้างชนช้าง หรือ จะแบ่งเขตกันเล่นตามสายสัมพันธ์เพื่อรักษาเก้าอี้ของตัวเอง ต้องติดตามกันต่อไป เพราะการเมืองไทยก็คือการเมืองไทย