posttoday

การเติบโตของเศรษฐกิจในเวียดนาม

03 เมษายน 2565

บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตสร้างกำไรไปพร้อมกับเศรษฐกิจ ในขณะที่มูลค่าหุ้นเวียดนามมีราคาไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก

เมื่อการลงทุนไม่ได้จำกัดเพียงแค่ในประเทศ การสร้างโอกาสการลงทุนไปยังต่างประเทศในหลายภูมิภาค โดยเฉพาะประเทศกำลังพัฒนาที่ยังมีศักยภาพการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ดั่งเช่น “ประเทศเวียดนาม” ซึ่งเป็นประเทศที่น่าสนใจด้วยปัจจัยเชิงโครงสร้างและภูมิรัฐศาสตร์ที่มีแหล่งทรัพยกรธรรมชาติที่สมบูรณ์ รวมทั้งการสนับสนุนของรัฐบาลเป็นสิ่งที่ดึงดูดการลงทุนจากต่างชาติได้อย่างโดดเด่น

“เวียดนาม” เป็นประเทศกำลังพัฒนา ตั้งอยู่ในภูมิภาคอาเซียน มีอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจอยู่ในระดับสูงนับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2553-2562 เศรษฐกิจมีอัตราการขยายตัวเฉลี่ย 6.5% (yoy) แม้ว่าในปี 2563-2564 เศรษฐกิจมีอัตราการเติบโตที่ชะลอลงมากจากผลกระทบของการระบาดของโควิด-19 แต่แนวโน้มการเติบโตในระยะ 2-3 ปีข้างหน้ายังถูกคาดการณ์ว่าจะกลับมาเติบโตได้สูงกว่า 6.6% (yoy) อ้างอิงจากการประมาณการของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ(IMF) สอคล้องกับกรอบเป้าหมายที่รัฐบาลตั้งไว้ที่ระดับ 6.5-7.0% (yoy)

การเติบโตของเศรษฐกิจในเวียดนาม เศรษฐกิจเวียดนามถูกขับเคลื่อนด้วยการบริโภค และการลงทุนรวมของรัฐบาลและเอกชน ซึ่งมีสัดส่วนประมาณ 66.9% และ 24.2% ของจีดีพี ตามลำดับ โดยปัจจัยสนับสนุนสำคัญ ได้แก่

1. จำนวนประชากรที่มากถึง 98.51 ล้านคน เป็นประชากรที่อยู่ในวัยทำงานที่มีอายุระหว่าง 15-54 ปี คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 60.9% ของประชากรทั้งหมด มีรายได้ต่อหัว 2.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อปี ซึ่งช่วยขับเคลื่อนการใช้จ่ายในประเทศ ชนชั้นกลางของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง โดยรัฐบาลตั้งเป้าหมายที่จะก้าวสู่การเป็นประเทศรายได้ปานกลางระดับบนด้วยอุตสาหกรรมที่ทันสมัยภายในปี 2573 และจากรายงานของ “The new faces of the Vietnamese consumer” คาดว่า ชนชั้นกลางของเวียดนามจะ เพิ่มขึ้นเป็น 36 ล้านคน ในอีก 10 ปีข้างหน้า ที่มีการบริโภคอย่างน้อย 11 ดอลลาร์สหรัฐฯ ต่อวัน

จำนวนประชากรและโครงสร้างประชากรของเวียดนาม

การเติบโตของเศรษฐกิจในเวียดนาม

ที่มา : CIA The World Factbook, สำนักงานสถิติแห่งชาติเวียดนาม

2. การขยายตัวของสังคมเมืองจากการย้ายถิ่นฐานของคนในชนบทเข้าสู่เมืองใหญ่ ประชากรในเมืองของเวียดนามคาดว่าจะเพิ่มขึ้นอีก 10 ล้านคน จาก 37% ในปี พ.ศ. 2563 เป็น 44% ในปี 2573 ซึ่งเป็นความต่อเนื่องของการเติบโตของชนชั้นกลางจึงมีความต้องการสิ่งอำนวยความสะดวกต่อชีวิตประจำวัน เช่น ที่อยู่อาศัย, รถยนต์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า เป็นต้น ส่งผลให้หลายภาคอุตสาหกรรมเติบโต เช่น อสังหาริมทรัพย์ (Real Estate), การธนาคาร (Banking), การบริโภค (Consumer) และเทคโนโลยี (IT)

3. การลงทุนของรัฐบาลตามโครงสร้างพื้นฐานและระบบสาธารณูปโภค เพื่อรองรับการขยายตัวเป็นเมืองใหญ่ ตามการขยายตัวของเศรษฐกิจ โดยเฉพาะการพัฒนาเส้นทางระเบียงเศรษฐกิจแนวตะวันออก-ตะวันตก (East-West Economic Corridor: EWEC) และดึงดูดการลงทุนจากนักลงทุนต่างประเทศ โดยรัฐบาลเวียดนามให้สัมปทาน และเปิดโอกาสให้บริษัทเอกชนเข้ามาสร้างสาธารณูปโภค ได้แก่ ไฟฟ้า, ประปา, สนามบิน, ถนนหนทาง, ทางด่วน, และท่าเรือทั่วประเทศ รวมถึงแนวโน้มการลงทุนในพลังงานทดแทน

4. การลงทุนของบริษัทเอกชนโดยเฉพาะการลงทุนทางตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment) เนื่องจากนโยบายส่งเสริมการลงทุนของรัฐบาล อีกทั้งประโยชน์ที่จะได้จากการที่เวียดนามเข้าร่วมเขตการค้าเสรีกับประเทศต่างๆ เพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เช่น RCEP หรือ ความตกลงหุ้นส่วนทางเศรษฐกิจระดับภูมิภาค (Regional Comprehensive Economic Partnership), ข้อตกลงการค้าเสรีระหว่างอังกฤษและเวียดนาม และ ความตกลงเขตการค้าเสรีระหว่างสหภาพยุโรป-เวียดนาม (EVFTA) เป็นต้น จึงดึงดูดให้อุตสาหกรรมที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกเข้ามาลงทุนตั้งฐานการผลิต นำโดยประเทศเกาหลีใต้, ญี่ปุ่น และสิงคโปร์

เมื่อพิจารณาถึงศักยภาพในการเติบโตทางเศรษฐกิจในระยะยาว ประเทศเวียดนามจึงดึงดูดให้นักลงทุนต่างชาติเข้าไปลงทุนไม่เพียงแค่การลงทุนทางตรงเท่านั้น การลงทุนทางอ้อมผ่านตลาดหุ้นเวียดนามก็ได้รับความสนใจไม่แพ้กัน เพราะ บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตสร้างกำไรไปพร้อมกับเศรษฐกิจ ในขณะที่มูลค่าหุ้นเวียดนามมีราคาไม่แพงเกินไปเมื่อเทียบกับตลาดหุ้นโลก อ้างอิงจาก Bloomberg ข้อมูลวันที่ 31 มี.ค. 2565 นักวิเคราะห์คาดว่า ในปี 2565 ดัชนี Vietnam Ho Chi Minh Stock จะมีอัตราการเติบโตของกำไรต่อหุ้น 26.28% ในขณะที่มูลค่า P/E อยู่ที่ระดับ 12.9 เท่า ถูกกว่าตลาดหุ้นโลกที่ระดับ 15.9 เท่า อีกทั้งการยกระดับจากกลุ่มตลาดชายขอบ (Frontier Market) สู่กลุ่มประเทศตลาดเกิดใหม (Emerging Market) คาดว่าจะเกิดขึ้นประมาณปี 2565-2566 โดยเวียดนามอาจจะมีน้ำหนักในดัชนี MSCI Emerging Market ประมาณ 5-8% จะยิ่งทำให้มีเงินลงทุนไหลเข้ามาลงทุน จึงเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะได้เข้าไปลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามที่มีศักยภาพในการเติบโตทางด้านเศรษฐกิจและตลาดหุ้น เป็นการจัดสรรเงินลงทุนเพื่อกระจายความเสี่ยงและเพิ่มความยืดหยุ่นในการลงทุน ซึ่งในปัจจุบันมีหลายช่องทางที่สามารถเข้าถึงการลงทุนในต่างประเทศได้สะดวก หนึ่งในนั้น คือ การลงทุนผ่านกองทุนรวม

ข่าวล่าสุด

คดีพลิก สหรัฐฯปลดล็อกขายชิปให้จีน แต่รัฐบาลจีนอาจไม่อยากซื้อ