posttoday

ตำรวจยุคใหม่

23 กันยายน 2564

โดย...ภุมรัตน ทักษาดิพงศ์

*****************

วันนี้ ขอเชียร์ตำรวจไทยภายใต้การนำของ พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร.คนปัจจุบัน และต้องขอชม พล.ต.ท. ภคพงศ์ พงษ์เภตรา ผบช.น..และ พล.ต.ท. ปิยะ ต๊ะวิชัย รอง ผบช.น. ในฐานะโฆษก บช.น. เรื่องที่จะเชียร์นั้น เป็นเรื่องของการที่ตำรวจไทยมีความอดทนอดกลั้นอย่างยิ่งในการบริหารจัดการม็อบ โดยเฉพาะ พฤติกรรมการยั่วยุจากม็อบเหล่านี้ที่ต้องการให้ตำรวจใช้ความรุนแรงในการปราบปราม

ท่านทั้งสามชี้แจงและตอบคำถามสื่อมวลชนด้วยมาดนิ่ม ๆ เป็นกันเอง แต่แฝงไปด้วยความเด็ดขาด ถามมา ตอบได้ สิ่งใดที่ตอบไม่ได้วันนี้จะตอบให้ทีหลัง ม็อบวัยรุ่นที่สามเหลี่ยมดินแดนซึ่งเกิดขึ้นแทบจะเป็นรายวัน จะเรียกว่าเป็นม็อบวัยรุ่น ม็อบรถจักรยานยนต์ หรือม็อบอะไรก็ได้ แต่คงไม่ใช่ม็อบอาชีวะเสียแล้ว เพราะถ้าเป็นม็อบอาชีวะไม่ว่ารุ่นใหญ่รุ่นเล็กนั้นพอพูดกันได้ แต่นี่พูดกันไม่รู้เรื่อง พอเย็นลงก็เตรียมตัวมาสู้กับตำรวจ เจอหน้าตำรวจก็ซัดกันเลย อย่างไม่เกรงกลัวต่อการกระทำผิดกฎหมาย แต่เหมือนสนุกกับการที่ได้สู้กับตำรวจทำนองนั้น

เป็นที่รู้กันว่า ม็อบเวลานี้ต้องการ “ยั่วยุ” ให้ตำรวจใช้ความรุนแรง เพื่อม็อบจะได้นำไปฟ้องร้องต่อสังคมต่างประเทศ ต่อสถานทูตต่างประเทศบางแห่งที่เตรียมรอรับไว้แล้ว ต่อองค์การสิทธิมนุษยชนไทยและต่างประเทศ และเพื่อใช้เป็นสาเหตุในการปลุกเร้าให้คนมาร่วมมากขึ้นและกว้างขวางขึ้น ทั้งใน กทม.และต่างจังหวัด

ทันทีที่ตำรวจใช้ความรุนแรงในการปราบปราม ก็จะเข้าทางของคนกลุ่มนี้ทันที และเป็นข้ออ้างเพิ่มข้อกล่าวหาว่า รัฐบาลเผด็จการประยุทธ์ปราบปรามประชาชน คำกล่าวหาผ่านสื่อออนไลน์จะกระจายไปทั่วโลก ฝรั่งที่มีอคติอยู่แล้วก็จะฉวยโอกาสผสมโรงทันที

หากผู้ร่วมม็อบถูกกระทำจนบาดเจ็บ ล้มตาย น่าจะเป็นสิ่งที่ผู้วางแผนต้องการมากที่สุด ที่เรียกกันว่า “หิวศพ” หากเกิดเหตุการณ์ทำนองนี้ขึ้น เราคงมองออกว่า สถานการณ์จะถูกขยายใหญ่โตรุนแรงเพียงใด รัฐบาลไทยจะถูกประณาม ซึ่งตรงกับความปรารถนาของผู้วางแผนที่จะใช้เป็นสาเหตุเอา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ได้รัฐบาลชาติมหาอำนาจบางประเทศที่ไม่พอใจนายกรัฐมนตรีของไทยเพราะไม่ยอมทำตามสิ่งที่ชาตินั้นต้องการ ก็จะออกมาผสมโรงด้วย

เราผ่านเหตุการณ์นี้อย่างฉิวเฉียดมาแล้วในม็อบสามเหลี่ยมดินแดนวันแรก ๆ เมื่อมีวัยรุ่นสองคนถูกยิงในคนละเหตุการณ์ ในพื้นที่ใกล้เคียงกับสถานีตำรวจดินแดง เพื่อให้เป็นที่เข้าใจว่า ตำรวจดินแดงยิงม็อบ ดีแต่ว่า เหยื่อยอมรับว่า ผู้ยิงไม่ใช่ตำรวจ แต่เป็นวัยรุ่นซึ่งไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อนและถูกยิงมาจากที่อื่น ในขณะที่ตำรวจได้ยืนยันพร้อมหลักฐานกล้องวงจรปิดว่า เหยื่อสองคนถูกยิงมาจากพื้นที่ใกล้เคียง ไม่ได้ถูกยิงจากตำรวจ

เรื่องนี้จึงเงียบไป แต่อย่าวางใจ เพราะอาจมี “มือที่สาม” มาผสมโรงได้

ตำรวจได้จัดการกับม็อบตามมาตรฐานสากล ทุกครั้ง ตำรวจได้ประกาศผ่านเครื่องกระจายเสียง เตือนว่า สิ่งที่ม็อบกำลังทำอยู่นั้นผิดกฎหมายอะไรบ้าง เช่น ผิด พ.ร.ก.และพ.ร.บ.โรคติดต่อ พ.ศ.2558 พ.ร.บ.จราจร มาตรา 43 ผิด พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาตรา 116., 215 และ 216 ฐานมั่วสุมตั้งแต่สิบคนขึ้นไป และตบท้ายด้วยประกาศว่าตำรวจจะใช้มาตรการปราบปรามอย่างไรบ้าง ตั้งแต่มาตรการอ่อนจนถึงแข็ง ตั้งแต่การประกาศเตือน การใช้รถฉีดน้ำ การใช้น้ำผสมสี การใช้แก๊สน้ำตา การใช้กระสุนยาง การใช้แหจับผู้ทำผิด ซ้ำยังชี้แจงและสาธิตวิธีการใช้ให้กับผู้สื่อข่าวชมด้วย

ไม่ใช่ตำรวจทำกับม็อบดินแดงเท่านั้น แต่ได้ประกาศเตือนม้อบว่าทำผิดกฎหมายอะไรบ้าง กับม็อบใน กทม.ในพื้นที่อื่น ๆ ก่อนหน้านี้ด้วยแล้ว

สำหรับม็อบที่ดินแดง (และที่อื่น ๆ ) ตำรวจสามารถติดตามจับกุมตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษได้ โดยไล่ดูภาพจากโทรทัศน์วงจรปิดไปเรื่อย ๆ ดังนั้น ระยะหลังเราจะเห็นภาพม็อบเอาไม้ยาวพยายามเขี่ยโทรทัศน์วงจรปิดแถวดินแดงให้มุมมองเงยสูงขึ้นไปบนฟ้าแทน เพื่อไม่ให้บันทึกภาพความเคลื่อนไหวของพวกตน

ตำรวจที่รับผิดชอบก้มหน้าก้มตาทำงานไปเรื่อย ๆ ล่าสุด โฆษก บชน.ได้แถลงว่า ตั้งแต่เดือนกรกฎาคม 2564 ซึ่งม็อบดินแดงเริ่มก่อการเป็นต้นมา ตำรวจสามารถจับกุมผู้กระทำผิดได้แล้วจำนวน 525 คน จากจำนวนทั้งหมด 797 คน ส่งดำเนินคดีไปแล้ว 219 คน ในจำนวนนี้ มีเยาวชนอายุต่ำกว่า 18 ปีจำนวนหนึ่งซึ่งตำรวจเรียกตัวผู้ปกครองมารับทราบด้วย นอกจากนั้น ยังยึดรถจักรยานยนต์ซึ่งเป็นพาหนะของผู้ก่อเหตุได้อีกเป็นจำนวนมาก หากม็อบยังไม่หยุด ตำรวจคงจับกุมและยึดรถได้เพิ่มเรื่อย ๆ

ม็อบที่ดินแดงนั้นอาจกล่าวได้ว่าเป็นม็อบวัยรุ่นและใช้ความรุนแรง มีการตระเตรียมอาวุธและสิ่งทีสามารถใช้เป็นอาวุธได้มาสู้กับตำรวจอย่างเต็มที่ทุกครั้ง พื้นฐานก็มีหนังสติ๊กใช้กระสุนหัวน๊อต ลูกแก้ว ลูกเหล็ก ใช้ประทัดยักษ์ พลุไฟ ระเบิดขวด ระเบิดปิงปองอัดดินปืนเพิ่มเพื่อให้แรงขึ้น ตำรวจยึดได้อาวุธปืนไทยประดิษฐ์ ซึ่งใช้ทอน้ำพลาสติกและใช้แก๊สอัดกระป๋องเป็นแรงขับ ที่ทำให้เกิดผลรุนแรงขึ้น ม็อบผู้ใหญ่รายหนึ่งถูกจับได้พร้อมกับอาวุธปืนสั้น

ม็อบที่ดินแดงไม่ใช่แค่มาชุมนุมเท่านั้น แต่ยังไล่เผาทรัพย์สินทางราชการเสียหายอีกหลายรายการ เช่น เผาตู้จราจรจำนวน 10 ป้อม ระบบควบคุมสัญญานจราจรถูกทำลายเสียหาย กล้องวงจรปิดถูกทำลาย 40 ตัว รถยนต์และรถจักรยานยนต์ตำรวจเสียหาย 50 คัน ตู้ควบคุมระบบไฟ ระบบระบายน้ำระบายอากาศอุโมงค์ดินแดงได้รับความเสียหาย ซึ่งทั้งหมดล้วนเป็นภาษีของประชาชนทั้งสิ้น

แม้แต่ป้ายของ “วิทยาลัยการจัดการ มหาวิทยาลัยมหิดล” ที่อยู่เฉยๆ ตรงมุมถนนวิภาวดีรังสิต ไม่ได้มีส่วนอะไรกับเขาด้วย ยังถูกม็อบเผาอย่างหน้าตาเฉย เช่นเดียวกับ “โรงพยาบาลทหารผ่านศึก” ซึ่งอยู่ในพื้นที่ปะทะ ตำรวจก็ไม่ควรเอารถเข้าไปจอดในบริเวณนี้ และผู้ชุมนุมก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง

คน กทม.ที่ต้องออกจากบ้านและมีความจำเป็นต้องผ่านแถวสามเหลี่ยมดินแดง รู้ดีว่าพอถึงช่วงเวลาดังกล่าว ต้องหาทางเลี่ยงไปใช้เส้นทางอื่นอย่างใดบ้าง ส่วนคนที่พลัดหลงเข้าไปในช่วงเวลาดังกล่าวก็ต้องทำใจ

เมื่อชม ผบ.ตร. และ ผบช.น. แล้ว ก็อยากฝากถามไปยังท่านทั้งสองว่า จากการสอบสวนม็อบที่ถูกจับได้ อะไรคือ “ มูลเหตุจูงใจ “ ที่แท้จริงของม็อบ ใครเป็นผู้สนับสนุนด้านการเงิน เพราะการมาร่วมม็อบต้องมีค่าใช้จ่าย อย่างน้อยก็ค่าน้ำมันรถจักรยานยนต์ ม็อบวัยรุ่นคนหนึ่งซึ่งมาจากจังหวัดรอบนอก กทม. เปิดเผยว่า ได้รับเงินสนับสนุนจากหัวคะแนนนักการเมืองในจังหวัด ที่มาเพราะเป็นวิธีหาเงินได้ง่าย ๆ

แล้วมูลเหตุจูงใจของม็อบคนอื่น ๆ ที่ถูกจับ 524 คนนั้น เขาบอกอะไรบ้าง ?

หลายคนอยากรู้จริง ๆ