จดจ่อทีละอย่าง ดีกว่า
คอลัมน์ ตลาดนัดการเงิน โดย...กำพล สุทธิพิเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายอาวุโส ธนาคารกสิการไทย
สมัยนี้คนเราอยู่ในยุคที่ต้องทำอะไรหลายๆ อย่างพร้อมๆ กัน และทุกคนก็จะบ่นคล้ายๆ กันว่า มีอะไรที่ต้องทำตั้งหลายอย่าง แต่ยังทำไม่เสร็จซักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องงาน หรือเรื่องส่วนตัวที่ต้องทำ คำถามก็คือ ในเมื่อไม่มีอะไรเสร็จซักอย่าง แล้วทำไมไม่ทำให้เสร็จซักอย่างนึงก่อน แล้วก็ทยอยทำให้เสร็จทีละอย่างไปเรื่อยๆ แต่เป็นเพราะเราพยายามจะทำหลายๆ อย่างให้เสร็จไปพร้อมๆ กัน แทนที่จะดี กลับกลายเป็นว่าเราไม่ได้จดจ่อกับงานใดงานหนึ่ง การที่เราอยากทำหลายๆ อย่างในเวลาดียวกัน เราจะไม่ได้มีสมาธิกับสิ่งที่เราจะทำเต็มที่ สมาธิเราจะถูกดึงไปคิดงานอื่นอยู่ตลอดเวลา และเวลากลับมาทำงานเดิมก็ต้องเริ่มต้นใหม่ ทั้งๆ ที่บางครั้งความคิดและสมาธิกำลังต่อเนื่อง
เราหลายคนอยู่ในโลกของการทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกัน เช่น เรากำลังยุ่งอยู่กับสองโครงการใหญ่ที่ยังไม่เสร็จ หัวหน้าก็เรียกเข้าไปคุยโครงการใหม่อีก เรากำลังคุยโทรศัพท์ในขณะที่มีข้อความสังคมออนไลน์เตือนขึ้นมา และอีเมล์ในจอคอมพิวเตอร์ก็กระหน่ำเข้ามาอีก แถมเฟซบุ๊กของเราก็เต็มไปด้วยข้อความนับร้อยที่ต้องอ่าน เราเองต้องสับเปลี่ยนงานตรงหน้าไปมาอย่างรวดเร็วให้เข้ากับยุคอินเตอร์เน็ตความเร็วสูง
ในยุคเทคโนโลยีอย่างในปัจจุบัน ข้อมูลมากมายไหลบ่าเข้ามา และต่างก็เรียกร้องเวลาจากเราทั้งนั้น ซึ่งผมเองก็มีคำถามว่าเราจำเป็นต้องเสพข่าวสารต่างๆ real time ขนาดนั้นจริงๆ หรือ คนเราก็เปลี่ยนไปเยอะ เมื่อก่อนเวลาเราทำงานอะไรอยู่ ถ้ามีคนคอยขัดจังหวะถามโน่นคุยนี้ เราจะหงุดหงิด แต่ทุกวันนี้มีข้อความสังคมออนไลน์ขึ้นเตือนทุกๆ นาทีกลับไม่เป็นอะไร จริงๆ แล้วตัวเราเองไม่ได้ถูกออกแบบมาให้รับมือกับภาระอันหนักหน่วงนี้ ในไม่ช้าสิ่งที่ต้องทำในแต่ละขณะจิตอาจล้นทะลักจนทำให้ระบบความคิดของเราแย่ไปเลยก็ได้
แทนที่เราต้องเอาทุกอย่าง รู้ทุกเรื่องในเวลาเดียวกัน ทำมันทุกอย่างพร้อมๆ กัน เพียงเพราะหวังว่ามันจะได้เสร็จพร้อมๆ กัน ผมว่าเป็นความคิดที่ไม่ถูกต้อง จริงแล้วเราควรทำทีละอย่าง เราสามารถเริ่มงานหลายๆ อย่างในเวลาเดียวกันได้ แต่ตอนทำให้เสร็จควรจะจดจ่องานทีละอย่าง ให้เสร็จเป็นอย่างๆ ไป ทั้งนี้เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในงานของเรา อีกทั้งรักษาสุขภาพจิตด้วย
เราไม่ควรทำงานหลายๆ อย่างพร้อมกันด้วยเหตุผลที่ว่า การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันจะลดทอนประสิทธิภาพ เนื่องจากเราต้องสับเปลี่ยนไปทำงานใหม่และกลับมาทำงานเดิม งานเดิมที่ทำไว้ใช่ว่าจะมาทำต่อได้ทันที หลายครั้งเราต้องเริ่มใหม่ ทบทวนของเดิมใหม่ ตัวผมเองเมื่อก่อนตอนเขียนบทความต่างๆ เหล่านี้ ผมเขียนสักพัก ก็จะหยุดไปเช็คอีเมล เพราะคิดว่าเป็นการพักผ่อน แต่ทุกครั้งที่กลับมาเขียนต่อต้องอ่านตั้งแต่ต้นใหม่ทุกครั้ง ความคิดต่างๆ ที่กำลังแล่นอยู่ตอนนั้นหยุดไปหมด ช่วงหลังผมลองจอจ่อกับการเขียนบทความ โดยปิดเครื่องมือสื่อสารทุกชนิด ปรากฎว่าใช้เวลาในการเขียนน้อยมาก และเขียนได้ต่อเนื่อง อีกทั้งเหลือเวลาไปทำอย่างอื่นได้เยอะกว่าเดิมมาก
การทำงานหลายอย่างในเวลาเดียวกันจะเพิ่มความซับซ้อนในความคิดของเรา ทำให้เราเคร่งเครียดมากขึ้น และมีโอกาสในการทำผิดพลาดสูงขึ้น ดังนั้นการจดจ่อกับงานที่ละอย่างหรือการทำงานทีละอย่างจะให้ผลที่ดีกว่า วิธีในการทำงานทีละอย่างมีดังนี้
ทำงานที่สำคัญที่สุดเป็นอย่างแรกในตอนเช้า ยังทำไม่เสร็จอย่าทำงานอย่างอื่น จากนั้นพักเป็นเวลาสั้นๆ แล้วเริ่มงานที่มีลำดับความสำคัญถัดไป และถ้าอยากทำงานให้เสร็จตามกำหนด จงกำจัดสิ่งรบกวนทุกอย่าง ถ้าเป็นไปได้ไม่ควรเปิดอีเมลหรือสังคมออนไลน์ใดๆ ปิดโทรศัพท์มือถือ จดจ่อกับงานนั้นและพยายามทำให้เสร็จโดยไม่ต้องกังวลกับสิ่งอื่นๆ พยายามห้ามใจตัวเองไม่ให้เช็คอีเมล์หรือดูข้อความในสังคมออนไลน์ เพราะสิ่งเหล่านั้นจะทำให้เราเสียเวลาและเสียสมาธิกับงานที่ต้องทำอย่างมาก อย่างที่บอกครับ เราไม่จำเป็นต้องรับทราบข่าวสารทุกๆ เรื่องอย่างทันทีทันใดหรอกครับ ทำงานเสร็จแล้วค่อยไปดูข่าวสารต่างๆ ในสังคมส่งต่อ ก็ไม่ได้กระทบการใช้ชีวิตของเราหรอกครับ
หากมีงานอื่นแทรกให้จดลงในสมุดไว้ก่อน แล้วกลับไปทำงานที่กำลังจดจ่ออยู่ เมื่อทำงานที่อยู่ตรงหน้าเสร็จแล้วถึงค่อยตรวจดูงานที่แทรกเข้ามา เพิ่มงานเหล่านั้นเข้าไปในรายการสิ่งที่ต้องทำ ปรับเปลี่ยนตารางใหม่ได้ หากจำเป็น และค่อยตรวจอีเมลอ่านข้อความในสังคมออนไลน์ตามระยะเวลาที่กำหนดเอาไว้ แต่ถ้ามีงานแทรกเร่งด่วนจนเราไม่สามารถรอให้งานตรงหน้าเสร็จก่อนได้ ให้จดไว้ว่างานที่ทำอยู่นั้นไปถึงไหนแล้ว รวบรวมเอกสารหรือข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นไว้ด้วยกัน แยกกองไว้ในกลุ่มงานที่กำลังทำอยู่ เมื่อเรากลับมาทำต่อ เราจะสามารถหยิบงานนั้นและข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานนั้นมาทำต่อได้ทันที
การจดจ่อนั้นไม่จำเป็นต้องเป็นเฉพาะเรื่อง งาน ประยุกต์ได้กับทุกๆ เรื่องในชีวิต แล้วมันก็จะเป็นผลดีด้วย เช่น การทานอาหาร สมัยนี้เห็นชัดและบ่อยว่าคนเราจะเล่นโทรศัพท์ไปทานไป เมื่อเราทานอาหารจงจดจ่อกับการทานเท่านั้น ให้ความสนใจอาหารที่เรากำลังเคี้ยว ค่อยๆ รับรู้รสชาติของอาหารที่เราทาน ลองสังเกตดูถ้าใครทานอาหารไปเล่นเกมเศรษฐีไป คุณจะไม่ค่อยรู้รสชาติของอาหารมื้อนั้นเท่าไร และก็มักจะเล่นเกม call of duty แพ้ด้วย เพราะคุณจะสู้คนที่จดจ่อในการเล่นเกมไม่ได้หรอกครับ สมาธิมันผิดกัน แถมอาหารก็ทานไม่อร่อย ดังนั้น จดจ่อกับสิ่งที่ทำทีละอย่างจะดีกว่าครับ


