ข้อคิดเติมเงินในกระเป๋า
ช่วงนี้คงได้ยินการหาเสียงจากสารพัดพรรคการเมือง ถึงวิธีที่จะสร้างรายได้
เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ช่วงนี้คงได้ยินการหาเสียงจากสารพัดพรรคการเมือง ถึงวิธีที่จะสร้างรายได้ เติมเงินในกระเป๋าให้คนไทย
แต่ทว่าในบรรดาข้อเสนอทั้งหมด ผู้ที่พูดแล้วน่าสนใจและน่าคิดตาม กลับไม่อยู่ในซีกการเมือง โดยกลายเป็น วิรไท สันติประภพ ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือแบงก์ชาติ ที่ไปปาฐกถาพิเศษเมื่อหลายวันก่อน
วิรไท มองว่า เศรษฐกิจในอนาคตไม่สามารถเติบโตด้วยแรงส่งแบบเดิมๆ และการที่เข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ทำให้ต้องให้ความสำคัญกับการเพิ่มคุณภาพและผลิตภาพอย่างจริงจัง เป็นวิธีเดียวที่จะเพิ่มรายได้
อันดับแรก ต้องส่งเสริมให้ขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยไปข้างหน้าด้วยการเน้นคุณภาพ โดยเฉพาะในภาคเกษตรกรรมและเอสเอ็มอี
ไทยไม่จำเป็นต้องเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่สุดในโลก ไม่จำเป็นต้องมีนักท่องเที่ยวมาเยือนมากสุด แต่เกษตรกรควรเพิ่มคุณภาพสร้างความแตกต่างของผลิตผลให้จำหน่ายได้ในราคาสูง มีกำไรและเงินออม
ถัดมาต้องเพิ่มคุณภาพของแรงงานไทย 38 ล้านคนที่มีอยู่ ให้ทันกับการเปลี่ยนแปลงของเทคโนโลยีและการแข่งขันจากประเทศต่างๆ ที่มีประชากรวัยหนุ่มสาวมากกว่าไทย โดยทักษะงานของโลกเก่าจะทยอยหมดความสำคัญลงเรื่อยๆ
ที่ผ่านมาการปฏิรูประบบการศึกษาผลิตบุคลากรที่มีคุณภาพเข้าสู่ตลาดแรงงาน แต่โจทย์ที่อาจจะสำคัญกว่าคือการยกระดับคุณภาพของแรงงานที่อยู่ในปัจจุบัน
ภาครัฐ ภาคธุรกิจ สถาบันการศึกษา และตัวแรงงานเอง ต้องร่วมมือกัน เน้นทักษะการเรียนรู้ เพื่อที่จะพัฒนาตนเองได้ตลอดชีวิต
สุดท้ายเป็นการเตรียมพร้อมใช้ทรัพยากรที่มีอยู่จำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ให้ทรัพยากรย้ายออกจากภาคเศรษฐกิจที่มีผลิตภาพต่ำไปสู่ภาคที่มีผลิตภาพสูง
งานวิจัยของแบงก์ชาติพบว่าในอดีตการเคลื่อนย้ายแรงงานจากภาคเกษตรไปสู่ภาคอุตสาหกรรมและบริการ มีบทบาทในการปรับโครงสร้างเศรษฐกิจและทำให้เศรษฐกิจไทยเติบโตขึ้น จึงจำเป็นต้องดูแลในเรื่องนี้่
แรงงานในภาครัฐที่มีมากกว่า 2 ล้านคน ยังเป็นโจทย์ใหญ่ หากจัดการเรื่องประสิทธิภาพภาครัฐได้สำเร็จ นอกจากจะได้ประโยชน์จากแรงงานเต็มศักยภาพมากขึ้นแล้ว ภาครัฐยังจะมีงบประมาณที่ใช้สำหรับการลงทุนเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ ยังรวมถึงทรัพยากรต่างๆ ไม่ว่าทุน คน หรือที่ดิน ต้องเคลื่อนย้ายได้ง่าย จากภาคเศรษฐกิจที่มีผลิตภาพต่ำไปสู่ภาคเศรษฐกิจที่มีผลิตภาพสูง จากธุรกิจที่ทรงๆ ไม่ประสบความสำเร็จไปสู่ธุรกิจที่กำลังเติบโต จากเศรษฐกิจในโลกยุคเก่าไปสู่เศรษฐกิจในโลกยุคใหม่
การเคลื่อนย้ายทรัพยากรให้เท่าทันกับการเปลี่ยนแปลง ต้องอาศัยกฎระเบียบ การปฏิรูปกฎหมายและกฎเกณฑ์ของภาครัฐอย่างจริงจัง
แต่การเปลี่ยนแปลงย่อมทำให้เกิดผู้เสียประโยชน์ในระยะสั้น จึงต้องการแรงขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วน เริ่มจากตัวเอง โดยในช่วงที่ผ่านมาความไว้วางใจในสังคมลดต่ำลง หากสังคมใดมีความแคลงใจกัน ก็ยากจะเดินหน้า
ฟังสิ่งที่วิรไทพูดแล้ว ค่อยเห็นหนทางบ้างในการเพิ่มเงินให้คนไทย
อย่าเอาแต่แจกเงิน สุดท้ายจะมีแต่หนี้คงเหลือเท่านั้น