อย่าเพิ่มปัญหาให้ฝุ่น
ปัญหาฝุ่นใน กทม.ก็แย่อยู่แล้ว แต่ต้องระวังที่จะแย่กว่าเดิมคือปัญหา
เรื่อง ณ กาฬ เลาหะวิไลย
ปัญหาฝุ่นใน กทม.ก็แย่อยู่แล้ว แต่ต้องระวังที่จะแย่กว่าเดิมคือปัญหาความแตกตื่น จนฝุ่นตลบ
เพราะมีข่าวสารพัดมาตรการ ต่างถูกงัดเตรียมใช้ออกมา
ที่ปรากฏออกมานับตั้งแต่กรมควบคุมมลพิษ เปิดประชุมร่วมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเพื่อแก้ปัญหาฝุ่นละออง PM2.5 โดยได้ข้อสรุปแนวทางในการแก้ไข
เริ่มจาก เร่งดำเนินการและบังคับใช้กฎหมายอย่างเคร่งครัด เช่น กองบังคับการตำรวจจราจร เพิ่มหน่วยเคลื่อนที่ตรวจวัดควันดำ เร่งตรวจสภาพรถโดยสาร ขสมก. เร่งทำฝนหลวงอย่างเข้มข้นในช่วงสัปดาห์นี้
ถัดมาหากค่าฝุ่นละออง PM2.5 เฉลี่ยทั่วพื้นที่ กทม.เกิน 90 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ติดต่อกัน 3 วัน เสนอให้ควบคุมการจราจรและการก่อสร้างเข้มข้นขึ้น
อาทิ การลดจำนวนรถบนท้องถนน เริ่มจากข้าราชการและเจ้าหน้าที่รัฐ เช่น ห้ามข้าราชการใช้รถยนต์ส่วนตัวมาทำงาน ซึ่งเป็นไปตามข้อเสนอของกรมอนามัย และกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข
หากดำเนินการตามมาตรการแล้วฝุ่นละอองยังไม่ลดลง ข้อเสนอสุดท้ายจะงัดมาตรา 9 ของ พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 มาแก้ไขปัญหา
ว่าก็ว่าเถอะ ถ้าเป็นอย่างที่ข่าวออกมา เห็นทีจะอ่วมกันทั้งเมือง
เศรษฐกิจ ธุรกิจ จะได้รับผลกระทบจากความแตกตื่น
มาก่อนใคร เห็นจะเป็นการท่องเที่ยว ที่บรรดานักท่องเที่ยววางแผนเดินทางกันเป็นเดือน จะยกเลิกการเดินทางมา กทม.อย่างแน่นอน จากกระแสข่าวที่เผยแพร่ออกไป จริงบ้าง ไม่จริงบ้าง
เมื่อการท่องเที่ยวหดหาย ต่อไปก็เป็น การลงทุน ที่ปัญหาสิ่งแวดล้อมจะกลายเป็นความเสี่ยง
ร้อนถึงกรมอนามัย ต้องออกมาแก้ข่าวความเข้าใจผิดว่ากรมอนามัยจะต้องเป็นผู้ออกประกาศในการควบคุมสถานการณ์ หากค่าฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 วิกฤตรุนแรง
แต่ความจริงแล้ว พ.ร.บ.ส่งเสริมและรักษาคุณภาพสิ่งแวดล้อมแห่งชาติ พ.ศ. 2535 ให้อำนาจนายกฯ เป็นผู้สั่งการ เมื่อมีเหตุฉุกเฉินหรือเหตุภยันตรายต่อสาธารณชนอันเนื่องมาจากภาวะมลพิษ
จะเป็นการห้ามขับรถยนต์ส่วนตัว การปิดโรงเรียน สถานที่ทำงาน ก็ทำได้หมด จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น
ทว่ามันเร็วเกินไปที่จะใช้อำนาจเด็ดขาด เพราะมันต้องมีองค์ประกอบที่สาหัส
ค่าฝุ่น PM2.5 จะต้องเกิน 90 ไมโครกรัม/ลูกบาศก์เมตร ต่อเนื่องเป็นเวลา 3 วัน ครอบคลุมพื้นที่เกินครึ่งหนึ่งของ กทม. จึงจะเข้าข่ายเป็นอันตราย ใช้อำนาจตามมาตรา 9
ปัจจุบันยังไม่ถึงขั้นนั้น ค่าฝุ่น PM2.5 ยังขึ้นๆ ลงๆ สูงแค่บางจุดของ กทม.และปริมณฑลเท่านั้น
ในขณะนี้จึงอาศัยกฎหมายมาบังคับใช้ เช่น ผู้ว่าฯ กทม.และจังหวัดปริมณฑล มาบังคับการห้ามเผาในที่โล่ง ใช้กฎหมายจราจรและขนส่ง ในการควบคุมรถบรรทุกในการเข้าออกเมือง การตรวจจับรถควันดำ เป็นต้น
และที่สำคัญพื้นที่มีปัญหา ก็คือบริเวณที่จราจรติดขัด
ฉะนั้น จึงควรตั้งหลักกันให้ดี อย่าให้ปัญหาฝุ่นบานปลาย
พอไม่ทำก็ไม่จัดการกันเลย แต่พอตกใจก็ทำเกินเสียอีก