2 ผู้ยิ่งใหญ่

โดย ณ กาฬ เลาหะวิไลย

โลกยุคปัจจุบันต้องยกให้สองบุคคลนี้เป็นผู้ยิ่งใหญ่

คนแรกคือ ประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐ อีกคนคือ ประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ของจีน

ไม่ว่าจะขยับตัวคราใด ก็ก่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ผลกระทบในวงกว้าง

ยิ่งเฉพาะในช่วงปีนี้ สองผู้ยิ่งใหญ่เกิดการกระทบกระทั่งกันอย่างรุนแรง

เบื้องหน้าคือสงครามการค้าที่สหรัฐรุกไล่ขึ้นภาษีจีน แต่เบื้องหลังก็คือการประลองอำนาจกันอย่างจริงจังของสองมหาอำนาจโลก

สหรัฐอเมริกาในฐานะมหาอำนาจดั้งเดิม สำนึกรู้ถึงการทะยานขึ้นมาของมหาอำนาจใหม่อย่างจีน จึงเกิดเรื่องราวต่างๆ มากมาย

คงจำกันได้ว่าเมื่อปลายปี 2559 ประธานาธิบดี ทรัมป์ เดินทางไปเยือนจีนอย่างเป็นทางการ หลังจากนั้นก็ล่วงรู้ว่าจีนใหญ่เกินกว่าที่สหรัฐจะใช้มาตรการปกติเข้าไปจัดการ

สงครามการค้าจึงอุบัติขึ้นและคงเป็นแค่หนึ่งในสงครามย่อยๆ ที่จะเกิดขึ้นของสองมหาอำนาจของโลก

ในอดีตนับตั้งแต่สงครามโลก ครั้งที่ 2 เป็นต้นมา สหรัฐเคยขับเคี่ยวกับสหภาพโซเวียตรัสเซียอย่างยาวนาน สุดท้ายสหรัฐเป็นฝ่ายกำชัย สหภาพโซเวียตแตกเป็นเสี่ยงๆ

สหรัฐจึงกลายเป็นมหาอำนาจเพียงหนึ่งเดียว

แต่ทว่าในช่วง 40 ปีที่ผ่านมา จีนแปรสภาพจากคนป่วยของเอเชีย กลายเป็นมังกรทะยานฟ้า ท้าทายมหาอำนาจอย่างสหรัฐ

สารพันคำทำนายจากผู้เชี่ยวชาญระดับโลกต่างประเมินว่าในเวลาไม่เกิน 20 ปี จีนจะแซงหน้าสหรัฐกลายเป็นมหาอำนาจด้านเศรษฐกิจ ที่จะคุกคามถึงความเป็นมหาอำนาจด้านอื่นๆ ของสหรัฐ

ยิ่งเฉพาะเมื่อจีนมีผู้นำอย่างประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ที่ได้รับฉันทานุมัติให้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีไปตลอดกาล ไม่มีเงื่อนไขเวลาจำกัด ก็ยิ่งเป็นเหตุทำให้เกิดการเผชิญหน้าของสองมหาอำนาจอย่างเลี่ยงไม่ได้

เพราะจีนปลอดจากการเมืองและนำโดยพรรคคอมมิวนิสต์ที่มีเอกภาพ ในทางกลับกันสหรัฐกลับต้องเผชิญปัญหาการเมืองจากระบบประชาธิปไตยของตัวเอง

ประธานาธิบดี ทรัมป์ จึงกลายเป็นประธานาธิบดีสหรัฐคนแรก ที่ออกมาปะทะกับประธานาธิบดีจีน

สิ่งที่น่าสนใจก็คือทั้งคู่แม้จะอยู่คนละทวีป ว่าไปแล้วก็มีความคิดเหมือนกันก็คือการทำเพื่อประเทศของตัวเอง

ในการหาเสียงชิงตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐ ประธานาธิบดี ทรัมป์ ประกาศนโยบายอเมริกาต้องมาก่อน ต้องทำให้อเมริกายิ่งใหญ่อีกครั้ง

ขณะเดียวกันด้านประธานาธิบดี สีจิ้นผิง ก็ประกาศนโยบายผลักดันให้จีนกลายเป็นประเทศสังคมนิยมใหม่ที่ทันสมัย

เมื่อทรัพยากรของโลกมีจำกัด ไม่มีมากขึ้นกว่าเดิม เมื่อสองมหาอำนาจต่างมุ่งหวังให้ชาติของตัวเองรุดหน้า ก็ต้องมีผู้ที่ได้และมีผู้ที่เสีย

สองผู้ยิ่งใหญ่จึงเหมือนกัน ต้องขึ้นเวทีปะทะกันอย่างเลี่ยงไม่ได้

ไม่ว่าจะเป็นปีนี้ ปีหน้า หรือปีถัดไป ปัญหาระหว่างสหรัฐกับจีนก็คงไม่ยุติกันง่ายๆ เนื่องจากเส้นทางหรือนโยบายที่ขีดแน่ชัดลงมา เป็นไฟต์บังคับ เป็นโชคชะตาที่ยากจะหลีกเลี่ยง

โลกยังคงต้องจับตาสองผู้ยิ่งใหญ่ไปอีกหลายปี