posttoday

อย่ารบกันเอง

10 ธันวาคม 2561

แม้บรรยากาศทางการเมืองช่วงนี้จะเริ่มมีความชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาถึงทุกขณะในช่วงเดือน ก.พ. 2562

เรื่อง ทองพระราม

แม้บรรยากาศทางการเมืองช่วงนี้จะเริ่มมีความชัดเจนขึ้น โดยเฉพาะการเลือกตั้งที่ใกล้เข้ามาถึงทุกขณะในช่วงเดือน ก.พ. 2562 ท่ามกลางความกังวลของหลายฝ่าย เนื่องจากเกรงว่าโรดแมปเลือกตั้งจะถูกขยับออกไปอีก

ล่าสุด สัญญาณความถี่การเลือกตั้งเริ่มเห็นเด่นตระหง่าน เมื่อคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ร่วมกับคณะกรรมการการเลือกตั้ง เรียกประชุมบรรดาพรรคการเมือง เมื่อวันที่ 7 ธ.ค.ที่ผ่านมา พร้อมกางปฏิทินเลือกตั้งวันที่ 24 ก.พ. 2562 ไว้อย่างลงตัว แม้มีบางพรรคการเมืองปฏิเสธร่วมเข้าวงเสวนา

หากย้อนกลับไปก่อนหน้ามีการเรียกประชุม จะพอเห็นภาพยิ่งเฉพาะพรรคการเมืองที่รู้จักมักคุ้นกันดีในแวดวงสังคมประเทศไทย ได้ออกมาร้องประสานเสียง ไม่ต้องการให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ดำเนินการอันใดเป็นเหตุให้การเลือกตั้งถูกเลื่อนออกไปจากกำหนดการเดิม

เนื่องด้วยจะสร้างความเสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมือง ทั้งในสายตาคนในและต่างประเทศ เพราะสำหรับความเสียหายที่เกิดขึ้นต่อประเทศ ยากประเมินต้องจ่ายเป็นตัวเลขเท่าไหร่

เมื่อเสียงบรรเลงจากพรรคการเมืองขับกล่อมออกมาทิศทางเดียวกันจนเกิดความสมัครสมานสามัคคี ว่าการเลือกตั้งควรเป็นไปตามที่ผู้นำรัฐบาลประกาศไว้ต่อสังคม

ขณะที่บางพรรคการเมืองต้องการขยับ เพื่อให้เหมาะสมต่อสถานการณ์ความพร้อมของแต่ละพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้เกิดความได้เปรียบเสียเปรียบบนสนามเลือกตั้ง

หรือบางพรรคใช้คอนเซ็ปต์ “อัพทูยู” ยังไงก็ได้ แล้วแต่ความต้องการของผู้บริหารประเทศ เนื่องจากพรรคตัวเองนั้นมีความพร้อมเนืองๆ ไม่ว่าจะอย่างไรก็มีโอกาสพาบรรดา สส.เข้ามานั่งในสภาผู้แทนราษฎร

ความต่างเหล่านี้ ผนวกกับความสงบนิ่ง เปรียบได้พื้นผิวน้ำแต่ยากหยั่งลึกลงไปถึงก้นบึ้ง ว่าคลื่นกำลังก่อตัวใต้ธาราหรือไม่

เพราะเมื่อถึงเวลาปลดล็อกการเมืองตามปฏิทินแล้ว บรรยากาศการหาเสียงจะยังคงสาดเสียเทโคลนใส่กันเหมือนแบบเก่าก่อนหรือไม่ ห้ามลืมว่าโลกปัจจุบันถูกวิวัฒนาการไปแบบไม่หยุดยั้ง โดยเฉพาะกับการใช้โซเชียลมีเดีย

ภาพรวมทั้งหมดจะหลุดไปจากเก่ามากน้อยแค่ไหน และ กกต.ในฐานะควบคุม กำกับ ดูแล เรื่องเหล่านี้จะรับมือเท่าทันความเปลี่ยนแปลงได้รวดเร็วเพียงใดและแค่ไหน

ทั้งหมดทั้งมวลจึงอยู่ที่ความพร้อมใจในการร่วมกันเปลี่ยนแปลง เพื่อไม่ให้ภาพเก่าๆ ที่หลายฝ่ายพยายามก้าวข้าม ต้องกลับมาหลอกหลอนเป็นเงาตามติดตัว

หากไม่อยากเปิดกว้างให้กับบางระบอบที่นานาประเทศไม่ยอมรับหวนคืน ก็ต้องประสานสมัครสมานสามัคคีให้เหนียวแน่น เพื่อปิดหนทางวงจรอุบาทว์กลับมา

บรรยากาศจากนี้จะดีหรือร้ายขึ้นอยู่กับทุกพรรคการเมืองจะร่วมรักษาไว้ได้อย่างไร ไม่ให้เกิดรอยรั่ว ช่องโหว่ หรือเปิดแผลให้อำนาจนอกระบบประชาธิปไตยแทรกแซง

โอกาสกำลังเข้ามา ถ้าปล่อยให้หลุดไปอีก ไม่รู้เหมือนกันว่าโอกาสทองจะมีครั้งสองหรือไม่