posttoday

สิ่งดีๆ เริ่มที่ 5 บาท

23 ตุลาคม 2561

วันหยุดขอพักมาพูดถึงสิ่งดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้น นั่นคือโครงการระดมทุนคนละ 5 บาท ผลิตยาภูมิต้านรักษามะเร็ง

วันหยุดขอพักมาพูดถึงสิ่งดีๆ ที่กำลังเกิดขึ้น นั่นคือโครงการระดมทุนคนละ 5 บาท ผลิตยาภูมิต้านรักษามะเร็ง

โครงการดังกล่าวเกิดขึ้นจากการผลักดันของ ศูนย์ชีววิทยาเชิงระบบ แห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เพื่อรณรงค์ขอเงินบริจาคจากคนไทย 40 ล้านคน โดยขอคนละ 5 บาท เพื่อให้ได้เงิน 200 ล้านบาท สำหรับการวิจัยเพื่อผลิตยาภูมิต้านรักษามะเร็ง หรือยาไบโอโลจิกส์ (Biologics)

การรักษาโรคมะเร็งในโลกนี้ พลิกโฉมอย่างสิ้นเชิง เมื่อ 2 คุณหมอนักวิจัย ศ.ดร.เจมส์ อัลลิสัน (James Allison) แห่งมหาวิทยาลัยแห่งรัฐเทกซัสของอเมริกา และ ศ.นพ.ทาสุกุ ฮอนโจ (Tasuku Honjo) แห่งมหาวิทยาลัยเกียวโต (Kyoto University) ค้นพบวิธีการรักษามะเร็งด้วยการใช้ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายจนได้รับรางวัลโนเบลสาขาการแพทย์ประจำปี 2018

วิธีที่ว่า เป็นการใช้แอนติบอดีมารักษาโรคมะเร็ง หรือเรียกภาษาการแพทย์ว่า การใช้ภูมิคุ้มกันบำบัดรักษามะเร็ง (Cancer Immunotherapy)

หลังจากนั้น บริษัทยาทั่วโลกต่างนำไปทดลองศึกษาต่อยอด จนผลิตเป็นยาภูมิคุ้มกันรักษามะเร็งขายสำเร็จ โดยมี 6 บริษัทยายักษ์ใหญ่ในโลกเป็นเจ้าของสิทธิบัตรผลิตขายทำกำไรมหาศาล

แต่คนไทยส่วนใหญ่ไม่ค่อยรู้จักยาภูมิคุ้มกันรักษามะเร็ง เนื่องจากราคาแพงหลอดละกว่า 2 แสนบาท กว่าจะรักษาหายต้องจ่ายไม่ต่ำกว่า 8 ล้านบาท

กระทั่งได้เกิดกลุ่มแพทย์ของไทย ทำการวิจัยคิดค้นยารักษามะเร็ง จนสำเร็จในขั้นที่ 1

จุฬาฯ สนับสนุนไปแล้ว 100 ล้านบาทเงินที่ใช้ไปส่วนใหญ่ต้องเอาไปซื้ออุปกรณ์ที่ราคาแพง และต้องใช้การทดลองด้วยมือ ไม่มีเงินซื้อหุ่นยนต์ช่วยผลิตยาแบบที่ใช้ในห้องทดลองต่างประเทศ ต้องเพาะเซลล์ใส่ในหลอดทดลองต้องทำวันละหลายหมื่นครั้ง หยอดทีละหลอด

สิ่งที่ทีมแพทย์ค้นพบคือแอนติบอดีแล้ว 1 โคลน หรือ 1 ตัว ที่ผลที่ได้จากหลอดทดลองใกล้เคียงกับยาแอนติบอดีราคาแพงของต่างประเทศ

แต่การวิจัยต้องดำเนินการต่อไป โดยจำเป็นต้องใช้เงินทุน

ทั้งหมดให้เกิดโครงการรับบริจาคกองทุนภูมิคุ้มกันบำบัดมะเร็งจุฬาฯ เลขที่บัญชี 408-004443-4 (ออมทรัพย์) และ 045-304669 (กระแสรายวัน) ธนาคารไทยพาณิชย์ สาขาสภากาชาดไทย ชื่อบัญชี คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย (เงินบริจาคเพื่อการวิจัย)

หากทำสำเร็จจะทำให้ค่าใช้จ่ายยาภูมิต้านทานมะเร็งราคาถูกลงจากเข็มละ 2.5 แสนบาท เหลือ 2 หมื่นบาท ค่าใช้จ่ายต่อคนจาก 8.5 ล้านบาท จะเหลือ 6.8 แสนบาท

การรณรงค์ได้ช่วยกันเผยแพร่ทั้งในสื่อต่างๆ ในโซเชียลมีเดียบางคนถึงวันเกิดก็แจ้งงดของขวัญ รวมถึงไม่ต้องส่งคำอวยพร ขอให้ไปบริจาคเงินเข้าโครงการ

ถ้าเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ กิจการต่างๆ ต้องการบริจาคเข้าโครงการคงเป็นเรื่องที่น่ายินดีอีก

ใครคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะทำสิ่งดีๆ อะไรดี ก็ขอให้ช่วยบริจาคเงิน

5 บาท ...อิ่มใจ ไปได้เนิ่นนาน