posttoday

หาเรื่องเสียเงิน

23 ตุลาคม 2561

กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังพิจารณาพัฒนาพื้นที่และจัดระเบียบย่านถนนข้าวสารเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว

โดย...แสงตะเกียง

กรุงเทพมหานคร (กทม.) กำลังพิจารณาพัฒนาพื้นที่และจัดระเบียบย่านถนนข้าวสารเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยว โดยมีสำนักงานเขตพระนครตั้งโต๊ะจัดการประชุมคณะกรรมการจัดระเบียบหาบเร่แผงลอย พิจารณาให้บริเวณถนนข้าวสารเป็นพื้นที่ผ่อนผันทำการค้าขายได้ เนื่องจากถนนข้าวสารมีลักษณะเป็นแลนด์มาร์ค มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักทั้งชาวไทยและนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ

อีกทั้งแหล่งท่องเที่ยวแห่งนี้ยังเป็นถนนที่มีความยาวไม่มาก หากได้รับการพัฒนาพื้นที่ให้สามารถทำการค้าได้ จะไม่ส่งผลกระทบต่อปัญหาด้านการจราจรบริเวณใกล้เคียง เพราะมีถนนและซอยที่สามารถแบ่งเบาการจราจรได้หลายเส้นทาง จึงสมเหตุสมผลแล้วในการอนุญาตให้ถนนข้าวสารเป็นจุดผ่อนผันสำหรับทำการค้า

ส่วนแนวคิดการพัฒนาพื้นที่ปรับปรุงภูมิทัศน์บริเวณย่านถนนข้าวสาร กทม.จะเริ่มด้วยการปรับระดับถนนให้เสมอกับทางเดินเท้าตลอดแนวถนนระยะทาง 400 เมตร โดยใช้หินแกรนิตปูและแบ่งช่องสำหรับรถวิ่ง กำหนดให้เดินรถทางเดียวและให้เป็นพื้นที่ขายของเพียงฝั่งเดียว คาดว่าใช้งบปรับปรุงถนนและทางเท้าเป็นเงินจำนวน 44 ล้านบาท

นอกจากนี้ อาจมีการทำหลังคาตลอดแนวถนน 400 เมตร พร้อมก่อสร้างซุ้มประตูทางเข้าถนนข้าวสาร คาดว่าจะใช้งบอีก 44 ล้านบาท รวมงบประมาณทั้งสิ้น 88 ล้านบาท ทั้งนี้การปรับปรุงถนนดังกล่าวจะทำให้มีพื้นที่ค้าขายเพิ่มขึ้นเป็น 280 แผง จากเดิม 234 แผง

เชื่อแน่ว่าคน กทม.อยากเห็นถนนข้าวสารเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับการอนุญาตถูกต้องตามกฎหมาย นับเป็นเรื่องน่ายินดีหากมีการส่งเสริม

ทว่าเรื่องของการปรับปรุงถนนข้าวสารต้องพิจารณาให้รอบคอบเพราะมีหลายประเด็นคลุมเครือ เริ่มที่ข้อเสนอของผู้ค้าบางรายอยากให้ กทม.กำหนดระยะเวลาจำหน่ายสินค้าได้ตั้งแต่เวลา 09.00-24.00 น.ทุกวัน ซึ่ง กทม.กำหนดเริ่มต้นให้จำหน่ายสินค้าเวลา 16.00-24.00 น. หากมีการเปลี่ยนแปลงให้ขายได้ทั้งวัน ผู้บริหาร กทม.อาจต้องมานั่งอธิบายกับกลุ่มผู้ค้าพื้นที่อื่นๆ ว่าเหตุใดถนนข้าวสารจึงมีสิทธิพิเศษ

แล้วเหตุใดถนนเยาวราชจึงสามารถเวลาขายได้ ไม่เกิดปัญหา เรื่องนี้ต้องติดตามเพราะแว่วมาว่ามีแนวโน้มขยายเวลาขายเป็นทั้งวัน เพียงเพราะหวั่นกระทบฐานเสียง กลิ่นอายทางการเมืองโชยมา ถูกเบรกให้เบาๆ ลงหน่อยอย่าขึงขังมาก ต่างกันราวฟ้ากับเหว

ประเด็นถัดมาสภาพพื้นที่ทางกายภาพของถนนข้าวสารนั้นสวยงามอยู่แล้ว แทบไม่มีความจำเป็นที่จะต้องใช้งบประมาณ 44 ล้านบาท เพื่อปรับปรุงพื้นผิวของถนนให้สูงขึ้นมาเท่ากับทางเท้า ซึ่งทุกวันนี้หากลองไปเดินเล่นที่ข้าวสารจะพบว่าพื้นผิวถนนยังคงสภาพดี เป็นเช่นนี้จะไม่ชวนให้คิดว่าอยู่ๆ ก็หาเรื่องเสียงบประมาณโดยไม่จำเป็นได้อย่างไร แค่จัดระเบียบให้เรียบร้อย ภาพที่เห็นก็แทบเลือดตากระเด็น

แถมยังมีความคิดสร้างหลังคาใช้งบประมาณอีก 44 ล้านบาท ครอบถนนเส้นนี้เข้าไปอีกชั้นหนึ่ง ยิ่งอดไม่ได้ที่จะตั้งคำถามว่าคุ้มค่าหรือไม่ต้องเสียเงินมากถึง 88 ล้านบาท ในการปรับปรุงถนนข้าวสาร เรื่องนี้ใครได้ประโยชน์ แต่ที่แน่ๆ ประชาชนผู้เสียภาษีทั้งประเทศเขาต้องควักเงินจ่ายให้

ปิดท้ายด้วยประเด็นที่ กทม.เตรียมกำหนดสิทธิ 1 คนต่อ 1 แผง ซึ่งอาจใช้วิธีการจับสลากรับสิทธิเข้ามาตั้งแผงภายในถนนข้าวสาร เรื่องนี้ต้องทำให้จริงห้ามมีการล็อกสิทธิ ต้องเปิดโอกาสให้คนอื่นที่อยากเข้ามาค้าขายอย่างเท่าเทียม ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นพื้นที่ของผู้ค้าบางกลุ่มยึดครองเหมือนเช่นที่เป็นอยู่ทุกวันนี้