posttoday

เพื่อนร่วมทุกข์

13 กันยายน 2561

ปัญหาการจราจรไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่ของประเทศไทยเท่านั้น ยังสร้างปัญหาให้กับประเทศอินโดนีเซียอย่างหนักมาก โดยเฉพาะในกรุงจาการ์ตา ด้วยมีสาเหตุที่คล้ายกับบ้านเรา คือมีถนนน้อยกว่ารถ

โดย..มะกะโรนี

ไม่น่าแปลกใจอะไรแต่อย่างใด หากแต่ละวันที่เราๆ ท่านๆ เดินทางไปถึงที่ทำงานแล้วจะได้ยินเสียงบ่นจากคนรอบข้างหรือกระทั่งตัวท่านเอง บ่นในเรื่องการจราจร แต่ก็น่าแปลกอยู่ในที ที่แม้จะเป็นเรื่องน่าเบื่อซ้ำซากเพียงไร แต่ปัญหานี้ก็มักจะถูกนำมาพูดถึงในแง่ใดแง่หนึ่งได้ในแทบทุกเช้าวันใหม่

น่าสงสัยนะครับ ว่าทุกๆ เช้าเมื่อถึงที่ทำงาน ประเทศอื่นๆ เขาบ่นเรื่องอะไรกัน ที่อื่นๆ ไม่มีปัญหารถติดให้บ่นถึงเลยหรือ? แต่เมื่อกวาดตาสำรวจข่าวต่างประเทศในรอบไม่กี่ปีที่ผ่านมาแล้วก็พบว่า เรามีประเทศที่เป็นเพื่อนร่วมชะตากรรมรถติดอยู่มากมาย

เดอะการ์เดียน เป็นหนังสือพิมพ์รายวันของอังกฤษ รายงานว่า เมื่อต้นเดือน ก.ค. 2559 เจ้าหน้าที่ตำรวจในกรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ได้ยืนยันว่า มีผู้เสียชีวิตนับ 18 ราย เพราะรถติดระหว่างทางจาก กรุงจาการ์ตา ไปยังเมืองเบรเบส ตะวันออกที่มีระยะทาง 20 กิโลเมตร เป็นเวลานานกว่า 72 ชั่วโมง ข่าวเศร้ายังระบุด้วยว่าหนึ่งในนั้นเป็นเด็ก 1 ขวบ ซึ่งเสียชีวิตเพราะพิษจากท่อไอเสีย ขณะที่ผู้ใหญ่นั้นเหนื่อยจนเสียชีวิต 12 ราย ที่เหลือ คือประสบอุบัติเหตุ

อินโดนีเซียประสบปัญหาการจราจรหนักมากโดยเฉพาะในจาการ์ตา เมืองหลวงของอินโดนีเซีย บัมบัง บรอดโยเนโกโร รมว.วางแผนการพัฒนาแห่งชาติ และคณะกรรมการวางแผนการพัฒนาแห่งชาติ ถึงกับต้องออกมาบอกว่า สภาพการจราจรที่ติดขัดบนถนนในกรุงจาการ์ตา ทำให้อินโดนีเซียต้องสูญโอกาสทางเศรษฐกิจไปประมาณ ปีละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

สาเหตุที่การจราจรสาหัสมากเกิดจากสาเหตุที่คล้ายกับบ้านเรา คือมีถนนน้อยกว่ารถซึ่งเพิ่มจำนวนขึ้นทุกปี ขณะเดียวกันการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม อย่างการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้าใต้ดิน และโครงการรถไฟฟ้าขนาดเบา นั้นดำเนินการได้อย่างล่าช้า แม้จะเริ่มก่อสร้างมาแล้วหลายปี แต่ก็คาดว่าจะแล้วเสร็จในปี 2562

เพื่อหนีปัญหารถติด รัฐบาลอินโดนีเซียถึงกับตัดสินใจ ย้ายเมืองหลวงจากกรุงจาการ์ตา โดยย้ายส่วนราชการไปยังเมืองหลวงใหม่ โดยวางแผนให้แล้วเสร็จใน 3-4 ปีนี้ แต่ยังคงสถานะความเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเงินไว้กับกรุงจาการ์ตาในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจและการเงินต่อไป

ปัญหาการจราจรของอินโดนีเซียนั้นเป็นข่าวดังอยู่เนืองๆ หากใครจำได้ ช่วงเดือน ต.ค.ปีที่แล้ว มีรายงานข่าวว่า ประธานาธิบดี โจโก วิโดโด ถึงกับต้องลงจากรถประจำตำแหน่ง เดินบนถนน ไกลกว่า 2 กิโลเมตร เพื่อไปร่วมพิธีสวนสนาม ฉลองการสถาปนากองทัพอินโดนีเซีย เพราะการจราจรติดขัดอย่างหนัก การตัดสินใจเดินเท้าครั้งนั้น ทำให้เกิดกระแสยกย่องชื่นชมว่าเป็นผู้นำประเทศที่มีสปิริต เลยทีเดียว ซึ่งเป็นสิ่งที่ผู้นำของประเทศที่มีการจราจรสาหัสทั่วโลก รวมถึงประเทศไทย ควรเอาอย่างนะครับ

นอกเหนือจากการจราจรในอินโดนีเซีย มีรายงานข่าวว่าเคยเกิดการจราจรติดขัดจนเป็นข่าวดังไปทั่วโลกอีกหลายแห่ง โดยหากย้อนไปเมื่อ 8 ปีก่อน คงจำกันได้ว่า เมื่อเดือน ส.ค. 2553 ที่กรุงปักกิ่ง ประเทศจีน เกิดเหตุรถติดยาวเกือบ 100 กิโลเมตร และติดนานถึง 12 วัน บนทางด่วนปักกิ่ง-ทิเบต เพราะเกิดอุบัติเหตุและมีการซ่อมแซมถนนเป็นระยะๆ วิบากกรรมจากการจราจรที่คนจีนต้องประสบในปีนั้น เป็นบทเรียนสำคัญให้ต้องคำนึงถึงปัญหาจราจรกันในวงกว้าง

ยังไม่นับถึงการจราจรสาหัสในที่อื่นๆ อีกหลายแห่ง ที่ส่งผลให้ต้องมีการจัดอับดับโลกกันเลยทีเดียว และเมื่อเห็นอันดับของกรุงเทพฯ เราก็ได้แต่ถอนหายใจ