ก้าวพ้นยิ่งลักษณ์คดีข้าว
เป็นคดีประวัติศาสตร์ สำหรับการตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าว
โดย... ณ กาฬ เลาหะวิไลย
เป็นคดีประวัติศาสตร์ สำหรับการตัดสินคดีโครงการรับจำนำข้าว
คดีดังกล่าวแยกเป็นของ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในข้อหาละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ กับคดีของ บุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในกรณีการระบายข้าวจีทูจี
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง นัดตัดสินทั้งสองคดีในวันที่ 25 ส.ค.
ความร้อนแรงเพิ่มขึ้นเป็นระยะ นับตั้งแต่การใช้ข่าวลือ ข่าวปล่อย ข่าวตัดต่อ กันสารพัด รวมถึงมีการระดมพล เพื่อให้กำลังใจยิ่งลักษณ์อย่างชัดเจน
ทั้งหมดจึงทำท่าจะโยงกลายเป็นเรื่องการเมือง เป็นการเคลื่อนไหวของมวลชน กดดันกระบวนการยุติธรรม
แต่ทว่าประเด็นของคดีโครงการรับจำนำข้าวจำเป็นต้องตั้งหลักให้ดี
เพราะความสำคัญไม่เพียงแค่ผู้ต้องหาเป็นบุคคลระดับอดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีเท่านั้น แต่สิ่งที่สำคัญไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ก็คือคดีความที่เกี่ยวเนื่องกับการดำเนินนโยบายของพรรคการเมือง
พรรคเพื่อไทยเอาชนะการเลือกตั้งด้วยนโยบายมากมาย โดยเฉพาะการประกาศรับจำนำข้าวในราคาสูงกว่าตลาดถึงเกวียนละ 1.5 หมื่นบาท
ผลกระทบจากโครงการรับจำนำข้าวเกิดขึ้นมากมาย
อาทิ การทำลายตลาดส่งออกข้าวในต่างประเทศ เนื่องจากราคาข้าวของไทยสูงกว่าตลาดโลก จึงส่งออกได้ยาก
หรือแม้กระทั่งระบบการผลิต การตลาดค้าข้าวในประเทศก็ถูกทำลายลงไปในพริบตา
ขณะเดียวกัน เกิดการทุจริตในวงกว้าง ตั้งแต่การซื้อข้าว การจัดเก็บ การตรวจสอบคุณภาพข้าว การส่งออกข้าวแบบจีทูจี
เป็นการโกงครบวงจร โคตรโกงครั้งใหญ่สุดในประวัติศาสตร์
ความเสียหายของโครงการรับจำนำข้าวมหาศาลหลายแสนล้านบาท เป็นหนี้สินที่คนไทยต้องชดใช้
ตลอดระยะเวลาโครงการรับจำนำข้าว ได้มีการท้วงติงอย่างมากมาย โดยเฉพาะได้มีการทำเอกสารท้วงติงอย่างเป็นทางการ
แต่ทุกอย่างก็ยังไม่หยุด
ข้อมูล ข้อเท็จจริง ทั้งหลาย จึงนำมาสู่กระบวนการดำเนินคดีทางกฎหมาย โดยแยกเป็นคดีทางแพ่ง ตามยึดทรัพย์จากผู้ที่เกี่ยวข้อง และคดีอาญาทั้งฝ่ายการเมือง ข้าราชการประจำ พ่อค้า โรงสี ฯลฯ
กงล้อกระบวนการยุติธรรมทำหน้าที่ โดยในวันที่ 25 ส.ค. จะเป็นการพิสูจน์ครั้งสำคัญให้สังคมได้รับรู้ถึงข้อเท็จจริงต่างๆ
ทั้งหมดจะเป็นอุทาหรณ์ให้กับบรรดาพรรคการเมือง นักการเมือง ในการดำเนินนโยบายหาเสียง ให้เข็ดกันไปเสียที โดยก้าวให้พ้นตัวบุคคลที่เกี่ยวข้อง
ชัยชนะจากการเลือกตั้ง ไม่ใช่อำนาจที่จะกระทำการได้ทุกสิ่ง จะเป็น 10 ล้านเสียง 20 ล้านเสียง ก็สู้ 9 เสียงแห่งความเป็นธรรมไม่ได้
และครั้งนี้น้ำตาไม่อาจแก้ปัญหาได้
กฎแห่งกรรมย่อมยุติธรรมเสมอ