posttoday

อันธพาลโลก

10 เมษายน 2560

สหรัฐในยุคที่มีประธานาธิบดีจอมเกรียน โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำกำลังลงมือเขียนประวัติศาสตร์โลกหน้าใหม่

โดย...สันทัด กรณี

สหรัฐในยุคที่มีประธานาธิบดีจอมเกรียน โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นผู้นำกำลังลงมือเขียนประวัติศาสตร์โลกหน้าใหม่ ส่งกลิ่นอายสงครามครั้งใหญ่ของมวลมนุษยชาติอีกครั้ง

ไม่มีใครปฏิเสธว่าสหรัฐอเมริกาคือมหาอำนาจทางการทหารหมายเลข 1 ของโลก และสอดแทรกมือเท้าเข้าไปในทุกแห่ง ทุกประเทศแม้แต่กลุ่มประเทศพันธมิตรนาโต้ของสหรัฐ ผู้นำในประเทศยุโรปล้วนถูกสหรัฐลอบดักฟังโทรศัพท์ เพื่อสอดแนมทั้งมิตรประเทศและศัตรู โดยไม่สนใจว่าการกระทำนั้นเป็นการละเมิดสิทธิ ขัดต่อกฎหมายระหว่างประเทศ

สหรัฐพยายามเบ่งกล้าม ประทับตราบนใบหน้าว่าเป็นผู้นำลัทธิประชาธิปไตย และใช้สิ่งนี้ในการเข้าไปบดขยี้ประเทศต่างๆ เพื่อช่วงชิงทรัพยากร พร้อมๆ ไปกับการส่งออกการก่อการร้ายเพื่อโค่นล้มรัฐบาลในหลายประเทศ โดยเฉพาะประเทศผู้ผลิตน้ำมันที่ไม่ยอมสวามิภักดิ์ ไม่ยอมให้บริษัทของคนอเมริกันเข้าไปตักตวง

ครับไม่กี่วันมานี้ คนทั้งโลกก็ได้รู้เช่นเห็นชาติสหรัฐอีกครั้งเมื่อจู่ๆ สหรัฐถล่มขีปนาวุธ 59 ลูกเข้าใส่ฐานทัพอากาศซีเรีย โดยข้ออ้างว่ารัฐบาลซีเรียใช้อาวุธเคมีในการทำสงครามปราบปรามกลุ่มผู้ก่อการร้าย หรือกบฏซึ่งสหรัฐให้การสนับสนุนเพื่อโค่นล้มประธานาธิบดี บาชาร์ อัล-อัสซาด ของซีเรีย

ข้ออ้างแบบนี้คุ้นๆ ไหมครับ

ข้ออ้างแบบนี้ไม่ต่างกับเมื่อครั้งสหรัฐใช้กำลังทหารรุกรานและยึดครองอิรักล้มรัฐบาลซัดดัม โดยข้ออ้างว่าอิรักกำลังผลิตอาวุธนิวเคลียร์ อันเป็นภัยกับโลกเสรี เมื่อยึดครองสำเร็จก็กอบโกยทรัพยากรน้ำมัน และที่สุดโลกก็รู้ว่าอิรักไม่มีอาวุธมหาประลัยที่สหรัฐยกขึ้นมาเป็นเหตุในการโจมตีรัฐบาลซัดดัม จนทุกวันนี้ประเทศร่ำรวยน้ำมันอย่างอิรักกลายเป็นประเทศยากจน จมอยู่ในสงครามกลางเมือง

กลับมาที่ซีเรีย ความผิดของซีเรียมีเพียงประการเดียวคือไม่ตามก้นอเมริกา แต่กลับมีสัมพันธ์ใกล้ชิดเป็นพันธมิตรเหนียวแน่นกับประเทศอิหร่าน ศัตรูที่สหรัฐไม่เคยเอาชนะได้ ดูแล้วการโจมตีครั้งนี้เป็นการส่งข่าวสารยั่วยุตรงไปที่อิหร่าน เพราะซีเรียเองก็ไม่ได้มีทรัพยากรน้ำมันมากพอเชื้อเชิญให้สหรัฐลงทุนทำสงคราม นอกจากต้องการโดดเดี่ยวอิหร่าน

กลับมาที่เอเชีย สหรัฐกำลังวางบทบาทนักเลงโตขู่จีนทั้งในปัญหาทะเลจีนใต้และการค้าระหว่างประเทศ ล่าสุดสหรัฐโดย โดนัลด์ ทรัมป์ ส่งกองเรือบรรทุกเครื่องบิน คาร์ล วินสัน พร้อมกองเรือพิฆาต และนาวิกโยธิน ไปยังคาบสมุทรเกาหลีเหนือ ข้ออ้างคือเพื่อแก้ปัญหาภัยคุกคามด้านนิวเคลียร์จากเกาหลีเหนือ

รอชมกันต่อไปว่า ผู้นำสหรัฐเกรียนทรัมป์ จะกล้าแตกหักกับ ผู้นำโสมแดงเกรียนอึน หรือไม่

ถ้าหากดูในแง่ความคุ้มค่า ดูแล้วก็ไม่น่ามีอะไรคุ้มเพราะโสมแดงไม่มีอะไรให้กอบโกย ยกเว้นที่ตั้งของเกาหลีเหนือ

เหมาะยิ่ง...หากสหรัฐต้องการไปยืนค้ำคอจีนกับรัสเซีย