ดันทุรังสุดซอย
ย้อนกลับไปก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 คนไทยมักจะได้ยินคำว่า “สุดซอย” ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นในสภา
โดย...หงส์แดง [email protected]
ย้อนกลับไปก่อนเหตุการณ์รัฐประหาร 22 พ.ค. 2557 คนไทยมักจะได้ยินคำว่า “สุดซอย” ซึ่งเป็นคำที่ใช้เรียกพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมที่เกิดขึ้นในสภา
เข้าใจว่าคำว่า “สุดซอย” เกิดมาจากสองเหตุการณ์สำคัญ ได้แก่ 1.การแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2550 เกี่ยวกับที่มาของ สว. และ 2.การพิจารณาร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมแก่ผู้ซึ่งกระทำความผิดเนื่องจากการชุมนุมทางการเมือง การแสดงออกทางการเมืองของประชาชน
การพยายามผลักดันกฎหมายทั้งสองกรณีได้นำมาซึ่งการชุมนุมต่อต้านรัฐบาลอย่างยืดเยื้อ เกิดความสูญเสียทั้งชีวิต ทรัพย์สิน และเศรษฐกิจ ก่อนที่คณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะเข้ามาล้างกระดานใหม่หมด
ทว่าเวลานี้ พฤติกรรมที่เรียกว่า “ดันทุรังสุดซอย” กำลังจะกลับมาอีกครั้ง เพียงเปลี่ยนจากสภาของนักการเมืองมาเป็นสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) และสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.)
สปท.เขี่ยลูกออกจากเท้าแล้ว ภายหลังมีมติ 136 ต่อ 3 เห็นชอบให้เพิ่มคำถามประชามติเข้าไปอีกหนึ่งคำถาม นอกเหนือไปจากคำถามที่ถามว่าเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบกับร่างรัฐธรรรมนูญ
คำถามที่ สปท.เห็นชอบให้มีขึ้น คือ เห็นด้วยหรือไม่ใน 5 ปีแรก นับแต่รัฐธรรมนูญประกาศใช้ให้นายกรัฐมนตรีมาจากความเห็นชอบของรัฐสภา
สรุปง่ายๆ แบบภาษาชาวบ้าน คือ คุณจะเห็นด้วยหรือเปล่าหากจะให้ สว.มาร่วมกับ สส.เพื่อลงมติเลือกนายกรัฐมนตรี
โดยวันนี้ (7 เม.ย.) สนช.จะพิจารณาว่าจะตั้งคำถามประชามติเพิ่มหรือไม่ ถ้าไม่เห็นด้วยก็จบ การทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญจะมีเพียงคำถามว่า “รับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญ” แต่หากเห็นว่าควรตั้งคำถามเพิ่ม ต้องไปถกกันต่อว่าจะเอากับคำถามของ สปท.หรือไม่ หรือ สนช.จะตั้งคำถามใหม่เอง
หากการตั้งคำถามของ สนช.อยู่บนพื้นฐานของ สปท.ที่ต้องการเพิ่มอำนาจวุฒิสภาในการเลือกนายกฯ ก็นับว่าเสมือนหนึ่งเป็นการดันทุรังสุดซอยไม่ต่างกับนักการเมืองในอดีต
ต้องไม่ลืมว่านับตั้งแต่มีรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2540 เป็นต้นมา นายกฯ จะมาจากการเลือกของสภาผู้แทนราษฎรมาโดยตลอดเท่านั้น เพราะคณะผู้จัดทำร่างรัฐธรรมนูญทุกคณะต่างต้องการย้ำหลักการว่านายกฯ มาจากเสียงของประชาชนผ่าน สส.
แล้ววุฒิสภาถือเป็นตัวแทนของประชาชนหรือเปล่า?
จริงอยู่ สว.ในระยะเปลี่ยนผ่าน การสรรหา สว.ของ คสช.คงได้ตัวแทนที่เป็นปากเป็นเสียงของประชาชนอยู่บ้าง แต่มีปัญหาว่าการเข้าสู่ตำแหน่งเช่นนี้เหมาะสมกับการจะมาเป็นคนยกมือเลือกนายกฯ อย่างนั้นหรือไม่
สว.สรรหามาจากคนไม่กี่คนที่เลือกเข้ามา ส่วน สส.ในสภามาจากการเลือกของประชาชนทั้งประเทศ
แน่นอนว่าคนที่มาจากการเลือกตั้งไม่ได้เป็นคนดีทุกคน แต่ด้วยระบบการตรวจสอบที่มีอยู่เดิม รวมไปถึงยาแรงขนานใหม่ที่อยู่ในร่างรัฐธรรมนูญน่าจะทำให้นักการเมืองไม่กล้าเหิมเกริมมากนัก
อย่างน้อยถ้าไม่มั่นใจในตัวคนก็ควรมั่นใจในตัวระบบ
พวกท่านๆ สปท.และ สนช.หลายคนเคยอยู่ในสภา แถมยังเคยด่านักการเมืองกลางสภาไว้เยอะว่า “เป็นพวกใช้เสียงข้างมากลากไป” อย่าให้คำพูดของพวกท่านในวันนั้นมาทำร้ายตัวท่านเองในวันนี้เลยนะครับ
มิเช่นนั้นจะกลายเป็น “ว่าแต่เขา อิเหนาเป็นเอง”


