posttoday

การหักลดหย่อนภาษีดอกเบี้ยกู้ยืมเพื่อซื้ออสังหาริมทรัพย์

11 กุมภาพันธ์ 2559

โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP

โดย สาธิต บวรสันติสุทธิ์, CFP

เดือนตุลาคมปีที่ผ่านมา รัฐบาลได้ออกมาตรการกระตุ้นอสังหาริมทรัพย์ไม่ว่าจะเป็นการลดค่าธรรมเนียมจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์จาก 2% ของราคาประเมิน ลดเหลือ 0.01% เท่ากับลดภาระค่าธรรมเนียมการโอนให้กับผู้ซื้อถึง 200 เท่า ลดค่าจดทะเบียนการจำนองอสังหาริมทรัพย์จาก 1% เหลือ 0.01% เท่ากับลดภาระค่าจดทะเบียนการจำนองให้กับผู้จดจำนองถึง 100 เท่า แถมยังยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาสำหรับคนที่ซื้อบ้านหลังแรกที่มีมูลค่าไม่เกิน 3 ล้านบาทเป็นจำนวนร้อยละ 20 ของมูลค่าอสังหาริมทรัพย์ โดยต้องใช้สิทธิยกเว้นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาต่อเนื่องกัน 5 ปีภาษี นับแต่ปีภาษีที่มีการจดทะเบียนการโอนกรรมสิทธิ์ในอสังหาริมทรัพย์ โดยให้แบ่งใช้สิทธิเป็นจำนวนเท่า ๆ กันในแต่ละปีภาษี

นี่ยังไม่นับมาตรการการเงินเพื่อช่วยเหลือด้านสินเชื่อเพื่อสนับสนุนกลุ่มผู้มีรายได้น้อยและปานกลางให้สามารถกู้ซื้อที่อยู่อาศัยของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ได้ในวงเงินที่สูงขึ้นด้วยเงื่อนไขที่ผ่อนปรนมากขึ้นประมาณการวงเงินให้สินเชื่อรวมเบื้องต้น 10,000 ล้านบาทนะ

และที่สำคัญสิทธิในการยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับเงินได้เท่าที่จ่ายเป็นดอกเบี้ยเงินกู้ยืมสำหรับการกู้ยืมเงินเพื่อซื้อ เช่าซื้อ หรือสร้างอาคารที่อยู่อาศัยโดยจำนองอาคารที่ซื้อหรือสร้างเป็นประกันการกู้ยืมตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาทนั้นก็ยังคงมีอยู่เช่นเดิม และสิทธินี้แหละที่หลายคนสงสัยโดยเฉพาะสามีภริยาว่า ถ้ากู้ร่วม กู้แยก ถ้ามีเงินได้ทั้ง 2 ฝ่าย ถ้ามีเงินได้แค่ฝ่ายเดียว จะลดหย่อนภาษีอย่างไร

ตามคำชี้แจงกรมสรรพากร เรื่อง แนวทางปฏิบัติเกี่ยวกับการจัดเก็บภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากสามีและภริยา สรุปสำหรับการหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเพื่อซื้อบ้าน ดังนี้ครับ

–มีเงินได้ฝ่ายเดียว

o ต่างคนต่างกู้ คนที่มีเงินได้เท่านั้นถึงจะลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ที่เขาจ่ายได้ตามจริงไม่เกิน 100,000 บาท ส่วนคนที่ไม่มีเงินได้ต่อให้ต้องจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านก็ไม่สามารถเอามาลดหย่อน หรือ จะเอาดอกเบี้ยเงินกู้ซื้อบ้านที่ตนเองจ่ายไปให้อีกฝ่ายที่มีเงินได้ลดหย่อนภาษีก็ไม่ได้

o ร่วมกันกู้ คนที่มีเงินได้ถึงจะลดหย่อนได้ตามจริงของดอกเบี้ยเงินกู้ทั้งหมดไม่เกิน 100,000 บาท  ตัวอย่างเช่น สามีมีเงินได้แต่ภริยาไม่มีเงินได้ ถ้าสามีภริยาร่วมกันกู้ยืมและจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเป็นจำนวน 100,000 บาท สามีมีสิทธิหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ทั้งจำนวน 100,000 บาท

o สรุป ถ้ามีเงินได้ฝ่ายเดียว ร่วมกันกู้ หรือ ให้คนที่มีเงินได้กู้ฝ่ายเดียวจะดีกว่า

–มีเงินได้ทั้งสองฝ่าย

o ต่างคนต่างกู้ ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม ตัวอย่างเช่น สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย ถ้าสามีภริยาต่างคนต่างกู้ สามีจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ 100,000 บาท ภริยาจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ 50,000 บาท สามีจะหักลดหย่อนได้ 100,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนได้ 50,000 บาท

o ร่วมกันกู้ ให้ต่างฝ่ายต่างหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมได้กึ่งหนึ่งของจำนวนที่จ่ายจริงแต่รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม ตัวอย่างเช่น สามีภริยามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย ถ้าสามีภริยาร่วมกันกู้ยืมและได้จ่ายดอกเบี้ยเงินกู้ยืมเป็นจำนวน 120,000 บาท สามีหักลดหย่อนได้ 50,000 บาท ภริยาหักลดหย่อนได้ 50,000 บาท (รวมกันไม่เกิน 100,000 บาท) ไม่สำคัญว่าใครจ่ายดอกเบี้ยมากจ่ายดอกเบี้ยน้อย ถ้าร่วมกันกู้ก็เอาไปลดหย่อนคนละครึ่งครับ

o สรุป

ถ้ามีเงินได้ทั้งสองฝ่าย ให้ต่างคนต่างกู้จะได้ประโยชน์มากกว่า
ถ้าดอกเบี้ยเงินกู้ไม่เกิน 100,000 บาท ให้คนที่มีเงินได้สูงกว่า (ฐานภาษีสูงสุดสูงกว่า) กู้คนเดียว เพราะจะได้ลดหย่อนภาษีมากกว่า

– กรณีมีเงินได้ทั้งสองฝ่าย และต่างฝ่ายต่างมีสิทธิหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมอยู่ก่อนแล้ว ต่อมาสมรสกัน ต่างฝ่ายต่างก็ยังคงหักลดหย่อนดอกเบี้ยเงินกู้ยืมส่วนของตนได้ตามจำนวนที่จ่ายจริงแต่ไม่เกิน 100,000 บาท ทั้งนี้ ไม่ว่าความเป็นสามีภริยาจะได้มีอยู่ตลอดปีภาษีหรือไม่ก็ตาม

ข่าวล่าสุด

SCB WEALTH กวาด 6 รางวัลระดับโลก สะท้อนความเป็นเลิศในทุกมิติการบริหารความมั่งคั่ง