เสื่อมมนตร์ขลัง
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยหรือไม่ใช่ประชาธิปไตย หากกำหนดนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น
โดย...ขำ เคืองใจ [email protected]
ไม่ว่าจะเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยหรือไม่ใช่ประชาธิปไตย หากกำหนดนโยบายปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น ดำเนินการกวาดล้างพวกโกงชาติกินเมืองได้อย่างเบ็ดเสร็จเด็ดขาด คนในสังคมล้วนปรบมือให้ทั้งสิ้น
อีกทั้งไม่ตกเป็นขี้ปากให้ใครตำหนิได้ว่า “ไม่มีความเป็นธรรม เลือกปฏิบัติ อุ้มคนนั้นแต่ถีบคนนี้”
ในยุครัฐบาล คสช.เรืองอำนาจ มีบรรดานักการเมืองถูกตรวจสอบความเกี่ยวพันทุจริตคอร์รัปชั่นในโครงการต่างๆ เด่นชัดสุดหนีไม่พ้นอดีตนายกฯ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และอดีตรัฐมนตรี ไปถึงเอกชนตกเป็นจำเลยในคดีทุจริตจำนำข้าว ซึ่งกำลังเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ที่ศาลคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองต้องพิจารณาตัดสิน ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ว่ากันไป
มีข้าราชการจำนวนไม่น้อยตั้งแต่ระดับสูงลงไปถึงระดับท้องถิ่น ถูก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ใช้มาตรา 44 ออกคำสั่งโยกย้ายประจำห้องเย็นสำนักนายกฯ บ้าง เข้ากรุกระทรวงบ้าง เนื่องจากถูกตรวจสอบพบว่าปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ทำให้เห็นถึงความขึงขังเอาจริงเอาจังต่อการปราบโกงอยู่ไม่น้อย
แต่ไม่รู้สินะ...สาธารณชนเริ่มคลางแคลง หรือว่า...ขำ เคืองใจ...มโนไปเอง ในทันทีที่มีเรื่องทุจริตพัวพันข้าราชการทหาร ตำรวจ เส้นทางการตรวจสอบโดยผู้มีอำนาจรัฐชักไม่ลื่นไหล หรือเหมือนทำให้เงียบหายยังไงชอบกล พร้อมตบท้ายด้วยคำพูดของผู้มีอำนาจรัฐ บอกปัด ไม่รู้ไม่เห็น ไม่เกี่ยวข้อง
เอะอะอะไรต้องบอกไว้ก่อนว่า “คสช.ไม่เกี่ยว” ยิ่งสาธารณชนทราบกันมาตั้งแต่ไก่โห่ มีนายทหาร ตำรวจคนนั้นคนนี้พัวพันขบวนการแอบอ้างสถาบันเบื้องสูงเพื่อเรียกรับผลประโยชน์ ทราบไปถึงขั้นว่ามีการเคลื่อนไหวเผ่นหลบหนีไปแล้ว
กลับได้รับคำชี้แจงจากผู้มีอำนาจในเวลาต่อมาซึ่งดูช้ากว่าสถานการณ์เสียด้วยว่า “นายตำรวจ ทหาร ขอลาออกจากราชการไปแล้ว” “คงเป็นการลาออกด้วยเรื่องส่วนตัว” “จากการสอบสวนในชั้นนี้ไม่พบความเกี่ยวพันของคดี”
ดูเหมือนพล็อตเรื่องถูกเขียนให้ชี้แจงไว้เท่านี้จริงๆ ครับ
ทว่ามนุษยไม่ได้กินแกลบกินรำ นำพาให้ชวนเชื่อข้อมูลได้ง่ายหากปราศจากการชี้แจงให้เกิดความกระจ่าง ยิ่งความสงสัยพอกพูนเพิ่มขึ้น แล้วยังตัดตอนอธิบายก็ยิ่งเพิ่มความคาใจให้สังคมมากทับทวี
ตั้งแต่เจ้าหน้าที่ตำรวจสอบสวนพบขบวนการอ้างสถาบันเบื้องสูงเรียกรับผลประโยชน์ สามารถจับกุมผู้กระทำความผิดได้ส่วนหนึ่งขณะที่อีกส่วนหนึ่งตามจับไม่ได้ ขยายผลพบกลุ่มบุคคลสีเขียวแสวงหาผลประโยชน์จากโครงการอุทยานราชภักดิ์ ทั้งเรียกหัวคิวการหล่อองค์จำลองบูรพกษัตริย์ จัดเลี้ยงโต๊ะจีนราคาสูงไปถึงราคาต้นไม้รอบอุทยานแพงเว่อร์ ดูจะเป็นไปในลักษณะรู้ทั้งรู้มีใครเกี่ยวข้องบ้าง แต่กล้าเอาจริงเอาจังจัดการผู้กระทำผิดได้หรือไม่
ระวังเถอะนโยบายปราบโกง คสช.จะเสื่อมมนตร์ขลังก็ตอนนี้ล่ะ


