ร่วมกันรักษ์ป่าน่าน
วันนี้ถือเป็นอีกวันแห่งความปลื้มปีติของชาวไทย โดยเป็นวันพระราชสมภพครบ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
วันนี้ถือเป็นอีกวันแห่งความปลื้มปีติของชาวไทย โดยเป็นวันพระราชสมภพครบ 60 พรรษา สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา พระองค์ทรงดำเนินโครงการต่างๆ มากมาย และที่ถือเป็นโครงการด้านสิ่งแวดล้อมขนาดใหญ่ก็คือ โครงการรักษ์ป่าน่าน
ป่าเมืองน่านเกิดความเปลี่ยนแปลงอย่างมาก โดยถูกตัดไม้ทำลายป่าอย่างรุนแรง ในช่วงปี 2507-2557 เฉลี่ยแล้วป่าน่านสูญเสียไปปีละ 5 หมื่นไร่ แต่ในช่วง 5 ปีหลัง อัตราการสูญเสียป่ากลับมีแนวโน้มเร่งตัวเพิ่มขึ้นถึงปีละ 1.5 แสนไร่
ผลกระทบที่ตามมาไม่ได้เกิดขึ้นแต่เฉพาะเมืองน่านเท่านั้น แต่ยังกระเทือนถึงภาพรวมของประเทศ
เพราะป่าน่านคือต้นน้ำของแม่น้ำน่านที่ไหลรวมกันเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา โดยน้ำ 40% ของแม่น้ำเจ้าพระยามาจากแม่น้ำน่าน
การทำลายป่าเมืองน่านจึงเป็นปัญหาระดับชาติ และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงเป็นองค์ประธานในโครงการรักษ์ป่าน่าน โดยมี บัณฑูร ล่ำซำ ประธานกรรมการธนาคารกสิกรไทย เป็นผู้สนับสนุนและเป็นหัวแรงใหญ่ในการดำเนินงาน
โครงการรักษ์ป่าน่าน จัดประชุมเพื่อวางแผนแก้ปัญหาและปลูกป่าเมืองน่านมาแล้วรวม 2 ครั้ง
แม้ตัวเลขการตัดไม้ทำลายป่ายังไม่ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ แต่ทว่าได้เกิดผลสำคัญขึ้นมาแล้ว นั่นก็คือการปลุกให้ทุกภาคส่วน ไม่ว่าจะเป็นหน่วยราชการ ทหาร ชุมชน ได้เข้ามาร่วมกันรักษาป่าน่านด้วยโครงการต่างๆ อย่างมากมาย
ที่สำคัญ โครงการรักษ์ป่าน่านนำเอาภูมิปัญญาท้องถิ่นมาใช้ควบคู่กับการพัฒนา กระจายความรับผิดชอบสู่ชุมชน สร้างแนวทางให้ชุมชนมีกินมีใช้โดยอยู่ร่วมกับป่า มีกินมีใช้ และปลุกจิตสำนึกลงลึกถึงระดับเยาวชน
แน่นอนว่าโครงการรักษ์ป่าน่านยังมีสิ่งที่ต้องทำอีกมาก ต้องใช้เวลาอีกช่วงใหญ่ในการฟื้นความอุดมสมบูรณ์ แต่ทว่าป่าน่านมีความหวังเกิดขึ้นมาด้วยพระบารมี
และวันนี้ปัญหาการตัดไม้ทำลายป่าที่น่าน ก็ไม่ใช่ปัญหาเฉพาะคนน่านอีกต่อไป
ป่าน่านเริ่มแตกยอดผลิใบขึ้นแล้วในใจของชาวไทย