เฮงดีทวีคูณ
เศรษฐกิจทำท่าจะมีตัวช่วยที่ไม่คาดคิด นั่นคือ ภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
โดย...ณ กาฬ เลาหะวิไลย
เศรษฐกิจทำท่าจะมีตัวช่วยที่ไม่คาดคิด นั่นคือ ภาวะราคาน้ำมันที่ปรับตัวลงอย่างรวดเร็ว
ตั้งแต่ปลายเดือน มิ.ย.ที่ผ่านมา ราคาน้ำมันก็ปรับลดลงถึง 30% จากที่เคยอยู่บาร์เรลละ 110 เหรียญสหรัฐเศษๆ ก็ลดลงต่ำกว่า 70 เหรียญสหรัฐ ไปเรียบร้อย
ผลที่ตามมาจะทำให้เศรษฐกิจโลกฟื้นตัว และการส่งออกจะดีขึ้น
คริสติน ลาการ์ด กรรมการผู้จัดการใหญ่ กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) กล่าวว่า ราคาน้ำมันปรับตัวลดลง จะกลายเป็นปัจจัยกระตุ้นเศรษฐกิจโลกให้ขยายตัว
เท่าที่ประเมินเศรษฐกิจในกลุ่มประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจจะขยายตัวเพิ่มขึ้นราว 0.8% ไม่ว่าจะเป็นสหรัฐ ญี่ปุ่น ยุโรป หรือว่าจีน เนื่องจากต่างก็ต้องนำเข้าน้ำมันจากต่างประเทศ
เมื่อตลาดสำคัญๆ มีโอกาสฟื้น การส่งออกย่อมมีโอกาสขยับ
ไม่เพียงการส่งออกเท่านั้น การที่น้ำมันลดราคา จะทำให้เกินดุลการค้ามากขึ้นด้วย เนื่องจากแต่ละปีไทยต้องนำเข้าน้ำมันมูลค่ามหาศาล
อาทิ เมื่อปี 2556 ไทยนำเข้าน้ำมันดิบมูลค่า 1 ล้านล้านบาท ราคาเฉลี่ยบาร์เรลละ 110 เหรียญสหรัฐ แต่ในปีนี้ราคาเฉลี่ยจะลดต่ำลงและยังมีแรงส่งไปถึงต้นปีหน้า
เมื่อการส่งออกเพิ่ม การนำเข้าลดลง ดุลการค้าจะดีขึ้น และส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจโดยตรง
ก่อนหน้านี้เคยมีการศึกษาถึงผลกระทบของราคาน้ำมันต่อเศรษฐกิจ โดยการปรับขึ้น-ปรับลงของราคาน้ำมันทุกๆ 10 เหรียญสหรัฐ มีผลต่อการเติบโตของเศรษฐกิจไทย 0.5-0.6%
เพราะน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญที่กระทบกับทุกองค์ประกอบทางเศรษฐกิจ ทั้งการส่งออก การนำเข้า การบริโภคของประชาชน สินค้าจะราคาลดต่ำลง รวมไปถึงมีผลต่อการลงทุนภาคเอกชน รายได้ของรัฐจะปรับตัวดีขึ้นเป็นลูกโซ่
โอกาสที่เศรษฐกิจไทยจะฟื้นตัว จึงมีความหวังจากความเฮงที่มาเยือน โดยมีน้ำมันเป็นตัวช่วย มีการส่งออกเป็นตัวฉุด
เหลือแค่การฉวยโอกาส ฉวยจังหวะวางนโยบายให้ถูก รับกับสถานการณ์ที่กำลังเกิดขึ้น
เมื่อความเฮงมาเคาะประตูแล้ว ก็ต้องอาศัยความเก่งเป็นปัจจัยเสริมเข้าไปด้วย
มันถึงจะกลายเป็นเฮง-เฮงแบบทวีคูณ