เขียนเรื่องทอง...คุยเรื่องหุ้น

โดย...เอกพิทยา เอี่ยมคงเอก กรรมการผู้จัดการบริษัทหลักทรัพย์ที่ปรึกษาการลงทุน เอกการลงทุน

ต้องยอมรับว่า นอกจากตลาดหุ้นแล้วในช่วงที่ผ่านมา ในระยะหลายปี ทองคำเข้ามามีบทบาทต่อการลงทุน ในประเทศไทยค่อนข้างมาก โดยอัตราเร่งน่าจะเริ่มจากการมีตลาดอนุพันธ์ ที่มีการซื้อขายทองคำกัน  อีกทั้ง คนไทย ใกล้ชิดทองมาตั้งแต่ไหนแต่ไร เพราะทุกอำเภอ หรือ อาจจะเป็นตำบล เราจะเห็นร้านทองที่มีตู้สีแดง ตามด้วย ราคาทองที่เขียนไว้ที่กระจกหน้าร้านด้วยดินสอพอง แต่อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ต้องพิจารณาก็คือ การผันผวนที่เกิดขึ้น ทำให้การลงทุนในทองที่หลายท่านคิดว่า เป็นเรื่องง่าย ก็กลายเป็นเรื่องยาก เพราะมีหลายท่านคิดว่า การลงทุนในทองก็แค่ลงมาซื้อ ขาดทุนก็เก็บไว้ แต่หลายปีที่ผ่านมา จะพบว่า ราคาทองปรับตัวลดลงจาก 1920 ดอลลาร์ต่อออนซ์ มาปัจจุบัน ที่ประมาณ 1200 ดอลลาร์ต่อออนซ์  ซึ่งทำให้ราคาทองมีการปรับตัวลดลง จากใกล้ๆ 30000 บาท ต่อน้ำหนัก 1 บาท มาเหลือ 18000 บาท ต่อ น้ำหนัก 1 บาท ในปัจจุบัน นี้จึงเป็นบทเรียนครั้งใหญ่ในการมองได้ว่า ราคาทองก็เป็นสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วไป ซึ่งมีทั้งขึ้นและลง
       
แน่นอนว่า เมื่อมีบทเรียนในช่วงเวลาที่ผ่านมา ก็มีผู้ที่ร่ำรวยจากราคาทองคำ กรณีมีการเล่นในช่วงขาลงเป็น แต่ต้องยอมรับว่า กรณีเป็นนักลงทุนรายบุคคลส่วนใหญ่ ยังมีความถนัดในการเล่นขาขึ้นมากกว่า เพราะฉะนั้น ผู้ที่ได้กำไร จากการลงของทองคำเที่ยวนี้ จึงเป็นคนเพียงส่วนน้อยเท่านั้น
       
มาถึงปัจจุบัน แน่นอนว่า ต้องมีท่านที่ติดตามราคาทองคำต้องการมองว่า ทิศทางของ ทองคำในช่วงสั้นจะมีแนวโน้มไปทิศทางใด พิจารณาจากกราฟการเคลื่อนไหวของราคาทองคำ ซึ่งสิ่งที่ต้องมองก็จะพบว่า มีการดีดกลับขึ้นมาแรงในระดับหนึ่ง จากตัวเลข 1132 ดอลลาร์ต่อออนซ์ ซึ่งเป็นจุดต่ำสุด ดีดกลับขึ้นมา บริเวณ 1200 บวกลบ ณ.ปัจจุบัน ซึ่งในเชิงการวิเคราะห์ทางเทคนิค 1200-1220 เป็นบริเวณที่เป็นตัวเลขที่มีความสำคัญมากในการพิจารณา เพราะกรณีผ่านไปได้ การยืนยัน จุดต่ำสุดที่ 1132 จะเกิดขึ้น แต่กรณีไม่สามารถผ่านไปได้ การลงมาอีกครั้งที่ระดับ 1100 ต้นๆ น่าจะเกิดขึ้นอีกครั้ง เพราะฉะนั้นสำหรับคอทองคำ ในระยะสั้น คงต้องจับตาตัวเลข 1200-1220 ให้ดี
       
แต่สำหรับภาพระยะกลางแล้ว กรณีเรามองย้อนหลังการปรับตัวขึ้นของราคาทองคำ ต้องยอมรับว่า ประเด็นหลักในการขึ้นใหญ่ของทองคำ ในหลายปีก่อน ก็เนื่องจากการอ่อนค่าของค่าเงินดอลลาร์ เหตุผลมาจากเศรษฐกิจและการแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เรื่องการอัดฉีดเงิน ซึ่งเหตุการณ์ปัจจุบัน เกิดเหตุตรงข้ามกัน กล่าวคือ การยกเลิก QE พร้อมๆ กับเศรษฐกิจสหรัฐฯ ที่ค่อยๆ ฟื้นตัว เพราะฉะนั้น ค่อนข้างยากที่ราคาทองคำ จะมีการปรับตัวขึ้นเป็นขาขึ้นครั้งใหม่ กล่าวง่ายๆ ก็คือ ราคาทองคำ ยังน่าจะอยู่ในภาวะซบเซาอีกเป็นระยะปี
       
สุดท้าย วกกลับมาที่ตลาดหุ้นไทยระยะสั้น ภาวะจะอยู่ในช่วงการเก็งกำไร จนถึงกลางเดือนธันวาคม ซึ่ง การเก็งกำไร ควรเน้นการลงทุน เฉพาะเมื่อ SET INDEX ไม่มีการต่ำกว่า 1580-1590 และควรหลีกเลี่ยงหุ้นขนาดเล็กการเก็งกำไร ดังกล่าว จะทำให้เป้าหมายของ SET INDEX ปรับตัวขึ้นไปที่ 1620-1630 ได้ ยกเว้น การพลิกผันที่จะเกิดขึ้นในระยะ 1-4 วันการนี้ และทำให้ SET INDEX ต่ำกว่า 1580-1590 นั้น จะเป็นสัญญาณในการขายหุ้นทุกอย่าง ซึ่งก็ต้องเผื่อไว้กรณีเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้น